DeepSeek Prover V2 ถูกพัฒนาขึ้นโดยต่อยอดจาก DeepSeek V3 โมเดลขนาดใหญ่ที่มีพารามิเตอร์ถึง 671 พันล้านพารามิเตอร์ พร้อมรุ่นย่อยขนาด 7 พันล้านพารามิเตอร์ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย โมเดลนี้ได้รับการฝึกฝนในสภาพแวดล้อมของ Lean 4 ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยพิสูจน์ทฤษฎี (proof assistant) ที่ได้รับความนิยมในวงการคณิตศาสตร์
จุดเด่นของ Prover V2 คือความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนได้อย่างน่าทึ่ง โดยมีอัตราการแก้ปัญหาสำเร็จสูงถึง 88.9% ในชุดทดสอบ MiniF2F ซึ่งเป็นชุดปัญหาคณิตศาสตร์ที่ท้าทาย นอกจากนี้ ยังสามารถพิสูจน์โจทย์ 49 จาก 658 ข้อใน PutnamBench ซึ่งเป็นชุดทดสอบที่ใช้ประเมินความสามารถด้านคณิตศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัย รวมถึงแสดงศักยภาพในการแก้โจทย์จาก AIME (American Invitational Mathematics Examination) ปี 2567 และ 2568 ได้อย่างแม่นยำ

นวัตกรรมที่ขับเคลื่อน Prover V2
DeepSeek Prover V2 มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น การใช้เทคนิค cold-start training ที่ช่วยให้โมเดลสามารถแยกปัญหาคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนออกเป็นเป้าหมายย่อย (subgoals) ที่จัดการได้ง่ายขึ้น กระบวนการพิสูจน์ทฤษฎีแบบวนซ้ำ (recursive theorem-proving pipeline) ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำในการหาคำตอบ นอกจากนี้ การลดขนาดน้ำหนักโมเดลด้วยความแม่นยำแบบ 8-bit floating point ทำให้ Prover V2 ใช้ทรัพยากรน้อยลงถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับโมเดลที่ใช้ 16-bit ส่งผลให้ประหยัดพื้นที่และพลังงานมากขึ้น
การเข้าถึงแบบโอเพ่นซอร์ส
สิ่งที่น่าสนใจคือ DeepSeek เลือกเปิดตัว Prover V2 อย่างเงียบๆ โดยอัปโหลดโมเดลไปยัง Hugging Face แพลตฟอร์มชุมชน AI แบบโอเพ่นซอร์ส โดยไม่มีการโปรโมตผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมี API ฟรี ผ่าน OpenRouter เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งานได้ทันที การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ DeepSeek ในการทำให้เทคโนโลยี AI เข้าถึงได้ง่ายสำหรับนักพัฒนาและนักวิจัยทั่วโลก
การแข่งขันในวงการ AI
การเปิดตัว Prover V2 เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่ Alibaba เปิดตัว Qwen3 โมเดล AI รุ่นที่สามของบริษัท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในวงการ AI ของจีน นอกจากนี้ ยังมีกระแสคาดการณ์ว่า DeepSeek อาจเตรียมเปิดตัว DeepSeek-R2 โมเดลที่เน้นการใช้เหตุผลในอนาคตอันใกล้ ซึ่งอาจยกระดับมาตรฐานของ AI ทั่วไปให้สูงขึ้นไปอีก
Prover V2 ยังถูกเปรียบเทียบกับโมเดลชั้นนำจากสหรัฐฯ เช่น o1 ของ OpenAI โดยเฉพาะหลังจากที่โมเดล R1 ของ DeepSeek ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน การที่ DeepSeek นำเสนอโมเดลแบบโอเพ่นซอร์สในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้บริษัทนี้กลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในวงการ AI ระดับโลก
อนาคตและความท้าทาย
DeepSeek Prover V2 ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือสำหรับนักคณิตศาสตร์และนักวิจัยเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนา AI ที่มีความสามารถด้านการใช้เหตุผลที่ดีขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม DeepSeek ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายระหว่างประเทศ เช่น การจำกัดการส่งออกชิป AI จากสหรัฐฯ และการพิจารณาแบนเทคโนโลยีของบริษัทในบางประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาและการขยายตัวในอนาคต
สรุป
DeepSeek Prover V2 คือตัวอย่างของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ผสานความอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์เข้ากับนวัตกรรม AI ด้วยความสามารถที่โดดเด่น การเข้าถึงแบบโอเพ่นซอร์ส และศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวงการ โมเดลนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือสำหรับนักวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนาและผู้ที่สนใจด้าน AI ทั่วโลก หากคุณต้องการทดลองใช้งานหรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมหน้า Hugging Face ของ DeepSeek
You must be logged in to post a comment.