
HyperX Cloud II Wireless+7.1 ซึ่งต่อไปจะขอเรียกสั้น ๆ ว่า Cloud II Wireless เป็นเกมมิ่งเฮตเซตจาก HyperX ที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากรุ่น Cloud II ที่มีสายมาเป็นรุ่นไร้สาย ซึ่งจะให้อิสระในการใช้งานที่เหนือกว่า ในขณะที่ยังคงให้คุณภาพเสียงตามสไตล์ของ Cloud II ที่หลายคนวางใจ
ก่อนที่จะไปพูดถึงรายละเอียดใด ๆ ของ Cloud II Wireless ก็มาดูคุณสมบัติทางด้านเทคนิคของเฮตเซตรุ่นนี้กันครับ

วัสดุและการออกแบบ
วัสดุและการออกแบบของ Cloud II Wireless โดยรวมก็ถือว่าไม่ได้แตกต่างไปจาก Cloud รุ่นแรกและ Cloud II รุ่นอื่น ๆ มากนักเรียกได้กว่ากลายเป็นเอกลักษณ์ของเกมมิ่งเฮดเซตในตระกูลนี้ไปแล้วก็ได้ Cloud II Wireless ยังคงเป็นหูฟังในลักษณะครอบหูแบบฟูลไซส์ ตัวฟองน้ำยังคงมีความนุ่มสบายตามสไตล์ Cloud แถบคาดศีรษะมีความยืดหยุ่นอย่างมาก และสามารถปรับตำแหน่งในกระชับได้ง่าย โดยตัวแกนที่ปรับระดับของหูฟังทำมาจากอะลูมิเนียมที่ให้ความแข็งแรง







การเชื่อมต่อแบบไร้สาย
Cloud II Wireless เชื่อมต่อกับพีซี โน้ตบุ๊ก ได้ผ่านทางพอร์ต USB Type-A และทำงานแบบปลั๊ก แอนด์ เพลย์ และไม่ต้องลงไดรเวอร์ใด ๆ ก็สามารถใช้งานได้ทันทีครับ ส่วนถ้าใครต้องการใช้งานร่วมกับเครื่องคอนโซลก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน หรือถ้าใช้จะใช้กับมือถือหรือแท็บเล็ตก็หาตัวแปลงพอร์ตจาก micro USB หรือ USB-C มาเป็น USB Type-A ก็สามารถใช้งานได้เช่นกันครับ

ควบคุมการทำงานผ่านซอฟต์แวร์
โดยปกติแล้ว Cloud II Wireless ไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ใด ๆ มาควบคุมการทำงาน เพราะสามารถสั่งการได้จากปุ่มต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับหูฟังอยู่แล้ว แต่ทาง HyperX ก็ยังคงนำโปรไฟล์ของ Cloud II Wireless มาใส่ไว้ในซอฟต์แวร์ “HyperX NGENUITY” เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและมองเห็นภาพการตั้งค่าโดยรวมของหูฟังได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

เราสามารถตั้งค่าระบบเสียงว่าจะให้เป็น 2Ch ในแบบสเตริโอ หรือจะปรับเป็น 7.1Ch ในรูปแบบ Virtual ก็ได้ รวมไปถึงการสั่งปิดเปิดไมค์จากซอฟต์แวร์ก็ทำได้เช่นกัน และที่สะดวกจริง ๆ ก็คงจะเป็นตัวปรับความเกณฑ์การรับเสียงของไมค์โครโฟน และการตั้งค่าให้เราสามารถมอนิเตอร์รวมถึงสามารถตรวจสอบระดับของแบตเตอร์รี่ของหูฟังได้จากส่วนนี้
***(อัปเดตล่าสุด ตุลาคม 2564 สามารถดาวน์โหลด HyperX NGENUITY ได้จาก Microsoft Store)***
การสวมใส่
การเป็นเกมมิ่งเฮดเซตแบบฟูลไซส์ ทำให้การสวมใส่ทำได้กระชับดี เหมาะสำหรับการใส่เล่นเกมหรือรับชมความบันเทิงอื่น ๆ ไม่เหมาะกับการสวมใส่ในลักษณะที่ต้องมีการออกกำลังกายไปด้วย เพราะมันไม่ได้กระชับจนแน่นขนาดนั้น เราสามารถเลื่อนปรับของก้านหูฟังให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคนได้ง่ายดาย

ฟองน้ำครอบหูหุ้มด้วยหนังให้ความสบาย แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้งานอยู่ในห้องแอร์ก็อาจจะรู้สึกร้อนอยู่สักหน่อยถ้ามีการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ดังนั้นเวลาเล่นเกมก็ควรถอดพักบ้างเป็นระยะ ๆ แต่ถ้าใช้งานในห้องแอร์ก็ไม่มีปัญหาครับสวมใส่กันแบบสบาย ๆ ยาว ๆ กันไปเลย
สำหรับตัวไมค์โครโฟนก็สามารถปรับระดับให้อยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ได้ตามความถัดของแต่ละคนครับ ไม่มีปัญหาใด ๆ ฟองน้ำหุ้มไมค์ก็ให้มาหนาพอสมควรสามารถกรองเสียงลมจากการพูดได้ดีพอควร
ประสบการณ์ใช้งาน
ก่อนที่จะไปคุยกันเรื่องเสียงของ Cloud II Wireless ก็ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนใช้หูฟัง Cloud มาตั้งแต่รุ่นแรก ตามด้วย Cloud II และล่าสุดคือ Cloud Mix ซึ่งเป็นเกมมิ่งเฮดเซตที่เป็นทั้งแบบใช้สายและแบบไร้สายโดยผ่าน Bluetooth ก็เลยมีความคุ้นเคยกับเสียงของหูฟังในตระกูล Cloud อยู่พอสมควร
สำหรับคุณภาพเสียงที่ได้ฟังในครั้งนี้ก็ถือมาจากการทดลองใช้มาแล้วประมาณ 30 วัน แบบทั่วไปดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม โดยไม่ได้ตั้งใจว่าจะเป็นการเบิร์นใด ๆ ทั้งสิ้นก็แค่เป็นการใช้งานไปตามปกติเท่านั้น
ลักษณะเสียงของ Cloud II Wireless (เปิดในโหมดสเตริโอ) ก็ยังคงให้ความคมชัดของเสียงที่ดี โดยเฉพาะการเล่นเกม สามารถเก็บเสียงบรรยากาศมาได้อย่างครบถ้วน เรียกได้ว่าฟังแล้วสามารถบอกตำแหน่งของคู่ต่อสู้ได้ชัดมาก ๆ ใครที่ต้องการฟังเสียงเท้าที่ชัดเจนก็รับรองได้ว่าหูฟังรุ่นนี้ทำได้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ สำหรับการเปิดเสียงในโหมดเซอร์ราวด์ ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าเหมาะกับการรับชมภาพยนตร์มากกว่าครับ หรือถ้าเป็นเกมแบบซิงเกิลเพลเยอร์ที่เน้นเรื่อง การใช้โหมดเซอร์ราวด์หรือ 7.1Ch ก็ให้เรารู้สึกถึงการเข้าไปมีส่วนรวมในตัวเกมได้อย่างเต็มที่เช่นกัน

พอเป็นหูฟังแบบไร้สายหลายคนอาจจะกังวลเรื่องของการดีเลย์ จากการทดสอบของเราก็ไม่พบการดีเลย์ใด ๆ จากการใช้งานนะครับ สามารถเล่นเกมต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่เวลาใช้กับพวกการไลฟ์แล้วพูดผ่านไมโครโฟนจากตัวเฮดเซตก็พบว่ามีการดีเลย์นิดหน่อยในบางจังหวะ ไม่ได้เกิดขึ้นตลอด แต่เสียงพูดยังคงชัดเจนและสื่อสารได้ไม่ขาดตอนครับ ซึ่งเรามาตรวจพบที่หลังว่าเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าบางตัวที่เราใช้งานอยู่มันสร้างคลื่นรบกวนทำให้แทรกเข้ามาในคลื่น 2.4GHz ที่ใช้เชื่อมต่อสัญญาณของเฮตเซตกับตัวรับสัญญาณนั่นเองครับ
สำหรับใครต้องเรียนออนไลน์หรือประชุมออนไลน์บ่อย ๆ การใช้หูฟังแบบไร้สายก็ให้ความสะดวกสบายกับเราอย่างมากครับ เพราะบางทีเราไม่จำเป็นต้องอยู่ที่หน้าจอหรือหน้าเครื่องตลอดเวลา อาจจะเดินยืนเส้นยืดสายบ้าง แต่ก็ยังคงรับฟังเสียงการเรียนหรือการประชุมได้ตามปกติ นี่คือสิ่งที่ดีมาก ๆ ของการใช้งานของเกมมิ่งเฮดเซตในแบบไร้สายครับ
ระยะเวลาการใช้งานด้วยแบตเตอรรี่ของหูฟัง
จากการใช้งานที่ไม่ได้ดูตามสเปค เราเคยใช้งานตั้งแต่ 8 โมงเช้าต่อเนื่องไปยาว ๆ ถึง 6 โมงเย็น แบตเตอร์รี่ก็ยังเหลือ ๆ ครับ และกำลังการขยายสัญญาณก็ไม่ตก แล้วก็ใช้งานจริงได้ใกล้เคียงกับ 30 ชั่วโมง ตามสเปคที่ระบุไว้ เพราะในช่วงที่ไม่มีการใช้งานคือไม่มีเสียงใด ๆ ออกมาจากแอปพลิเคชันที่เราใช้งาน ตัวหูฟังเองจะปิดการทำงานของตัวเองลงให้โดยอัตโนมัติครับ ถ้าเกิดแบตหมดขึ้นมาจริง ๆ เราก็สามารถใช้พาวเวอร์แบงค์ทำการชาร์ตไปแล้วใช้งานไปได้เลยครับ ไม่มีปัญหาใด ๆ ติดตรงที่สายชาร์ตที่มาพร้อมกับหูฟังจะสั้นไปสักนิดถ้าจะใช้ไปชาร์ตไป ก็ต้องหาสายชาร์ตจากที่อื่น ๆ มาใช้งานแทนครับ
สรุปส่งท้าย
ในภาพรวม Cloud II Wireless ยังคงรักษาความเป็นหูฟังในตระกูล Cloud ไว้ได้อย่างครบถ้วนครับ ทั้งในเรื่องของดีไซน์ และความสบายในการสวมใส่ รวมถึงเรื่องของคุณภาพเสียงก็ยังคงรักษาคุณภาพไว้ได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่มองหาเกมมิ่งเฮตเซตแบบไร้สายเราคิดว่า Cloud II Wireless ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ