CPU Socket
|

AMD เตรียมเปิดตัวซ็อกเก็ต AM6 ปี 2028: จำนวนขา 2,100 เพิ่มขึ้น 22% รองรับ PCIe 6.0 และ DDR6

AMD เตรียมยกระดับแพลตฟอร์มซีพียูอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวซ็อกเก็ต AM6 ในปี 2028 ซึ่งจะมาพร้อมกับจำนวนขาเพิ่มขึ้นถึง 2,100 ขา มากกว่าซ็อกเก็ต AM5 เดิมที่มีอยู่ 1,718 ขา เพิ่มขึ้นกว่า 22% โดยไม่ขยายขนาดพื้นที่ตัวซ็อกเก็ตแต่อย่างใด ซึ่งนับเป็นความท้าทายเชิงวิศวกรรมที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงใน AM6

  • การเพิ่มจำนวนขา ช่วยให้สามารถส่งพลังงานได้สูงขึ้น คาดว่าอาจรองรับการจ่ายไฟเกินกว่า 200W ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ซีพียูรุ่นใหม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ขาที่เพิ่มขึ้นยังช่วยเพิ่มช่องทางการส่งข้อมูล อาจเปิดทางให้เมนบอร์ดที่รองรับ AM6 สนับสนุน PCIe 6.0 แม้มีการคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะไม่เข้าถึงตลาดผู้บริโภคทั่วไปก่อนปี 2030 ก็ตาม
AM6

การรองรับระบบระบายความร้อนเดิม

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนขา แต่ขนาดซ็อกเก็ตยังคงเดิม ทำให้ฮีตซิงก์และพัดลมที่ใช้กับ AM5 หรือแม้แต่ AM4 ยังสามารถนำกลับมาใช้กับ AM6 ได้ อย่างไรก็ตาม การจัดวางชิปในแพลตฟอร์ม Zen 7 อาจทำให้ผู้ผลิตต้องออกแบบตัวระบายความร้อนใหม่ในบางรุ่น

AM6

ไทม์ไลน์การเปิดตัว AM6

ซีพียู Zen 6 ที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้จะยังใช้ AM5 ต่อไป ส่วนแพลตฟอร์ม AM6 จะเริ่มใช้งานพร้อมกับซีพียู Zen 7 ในปี 2028 ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการวางแผนของ AMD ที่ยังคงต้องการให้แพลตฟอร์มของตนใช้งานได้ยาวนานตามที่เคยให้สัญญาไว้ และเตรียมพร้อมรองรับอนาคตของการประมวลผลที่ต้องการพลังงานและแบนด์วิดธ์สูงขึ้น

เปรียบเทียบ Timeline ย้อนหลัง

ซ็อกเก็ตปีเปิดตัวปีสิ้นสุด (ประมาณ)ระยะเวลาใช้งาน
AM420162022~6 ปี
AM520222028~6 ปี
AM62028???ยังไม่ระบุ

แม้ว่า AM5 จะถูกเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2022 แล้ว แต่ AM4 ยังคงสามารถใช้งานได้ดีอย่างต่อเรื่องจนถึงตอนนี้ก็ 9 ปีเข้าไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็นความคุ้มค่าอย่างที่สุดเท่าที่เคยมีแพลตฟอร์มออกมาเลยก็ว่าได้

สำหรับการมาของ AM6 ถ้าเป็นไปตามข่าว ก็ถือว่า AMD ยังคงรักษาช่วงเวลาเฉลี่ยการเปลี่ยนซ็อกเก็ตไว้ราว 5–6 ปี แต่รอบนี้มาพร้อมกับการ เพิ่มจำนวนขามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมุ่งหน้าสู่มาตรฐานระดับองค์กรในหลายจุด และถ้าดูเรื่องประสิทธิภาพจาก Zen 5 ไปสู่ Zen 6 ที่อาจจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกราว 15-20% ก็เป็นไปได้ว่า AM6 ในช่วงแรกก็คงจะเน้นไปที่กลุ่มคนต้องการประสิทธิภาพสูง เช่นอาจจะจำกัดอยู่กับกลุ่ม Ryzen 7, Ryzen 9 เป็นหลักก่อน แล้วจากนั้นจึงค่อยปรับลงมาสู่ Ryzen 5 เช่นเดียวกับการเปลี่ยนผ่านจาก AM4 ไปสู่ AM5 นั่นเองครับ

ข้อมูลจาก: Videocardz และ Bit and Chip