Ryzen 5
|

คู่มือเลือกซื้อซีพียู AMD Ryzen 5 ซ็อกเก็ต AM4 ครึ่งหลังปี 2025: รุ่นไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?

การมาถึงของแพลตฟอร์มใหม่อย่าง AM5 พร้อมหน่วยความจำ DDR5 อาจทำให้หลายคนมองว่าซ็อกเก็ต AM4 ที่อยู่คู่ตลาดมาอย่างยาวนานนั้นถึงคราวล้าสมัย แต่ในความเป็นจริง ณ ปี 2025 แพลตฟอร์ม AM4 ไม่เพียงแต่ยังคงโลดแล่นอยู่ในตลาด แต่ยังกลายเป็นตัวเลือกที่ยังให้ความคุ้มค่าอย่างมากสำหรับการอัปเกรดจากผู้ใช้ซีพียู Ryzen ซ็อกเก็ต AM4 รุ่นเก่า หรือแม้แต่การประกอบคอมพิวเตอร์ใหม่แบบยกชุดก็ยังมีความน่าสนใจเพราะราคาโดยรวมของแพลตฟอร์ม AM4 กับ AM5 ยังมีส่วนต่างระหว่าง 2,000-3,500 บาท ผู้ใช้ส่วนตัวอาจมองว่าราคานี้จะขยับไป AM5 ดีกว่าเพราะราคาต่างกันไม่มาก แต่สำหรับผู้ที่มีงบจำกัดจริง ๆ และรวมไปถึงผู้ประกอบการหรือหน่วยงานที่ต้องการใช้พีซีหลายเครื่องด้วยความต่างระดับนี้ก็สามารถนำไปชดเชยในส่วนอื่น ๆ ที่มีความสำคัญต่อการทำงานได้

ซ็อกเก็ต AM4 ยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า

อย่างที่ได้กล่าวไปความได้เปรียบที่ชัดเจนที่สุดของ AM4 คือต้นทุนรวมของระบบที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมนบอร์ดชิปเซ็ตยอดนิยมที่ยังคงน่าใช้ในตอนนี้ก็คือ B450, A520 และ B550 ก็มีให้เลือกหลากหลายช่วงราคา และเป็นราคาที่จับต้องได้ง่าย ตั้งแต่รุ่นพื้นฐานไปจนถึงรุ่นที่มีฟีเจอร์ครบครัน ในขณะที่หน่วยความจำ (RAM) DDR4 ในรุ่นมาตรฐานเช่น 3200MT/s ก็มีราคาที่ถูกลง และยังให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานส่วนใหญ่ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายของเมนบอร์ด AM5 และแรม DDR5 ที่ยังคงมีราคาสูงกว่า การเลือกใช้แพลตฟอร์มซ็อกเก็ต AM4 จึงเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้สามารถจัดสรรงบประมาณส่วนต่างที่ประหยัดได้ ไปลงทุนกับการ์ดจอ (GPU) ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยตรงมากกว่า หรือไปลงทุนกับ SSD ความจุสูง หรือส่วนอื่น ๆ ตามการใช้งานของแต่ละคน

และท่ามกลางซีพียู AM4 ที่มีอยู่มากมาย Ryzen 5 ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะ “จุดที่ลงตัวที่สุด” สำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ ด้วยจำนวนคอร์และเธรดที่เพียงพอต่อการเล่นเกมยุคใหม่ รองรับแอปพลิเคชันสำหรับสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และการทำงานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น

ดังนั้นในบทความนี้ เราจะเจาะลึกซีพียู Ryzen 5 บนซ็อกเก็ต AM4 ที่ยังคงมีวางจำหน่ายในประเทศไทย 7 รุ่น ได้แก่ Ryzen 5 3400G, 4500, 5500, 5500GT, 5600, 5600GT และ 5600X แม้จะอยู่ภายใต้ชื่อ “Ryzen 5” เหมือนกัน แต่ซีพียูแต่ละรุ่นกลับมีความแตกต่างกันอย่างมากทั้งในด้านสถาปัตยกรรม, แคช, และความสามารถที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานจริงอย่างคาดไม่ถึง คู่มือฉบับนี้จะทำหน้าที่ไขความกระจ่างทั้งหมด เพื่อให้คุณสามารถเลือกซีพียูที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของคุณได้อย่างคุ้มค่าที่สุดในครึ่งหลังของปี 2025

เปิดสเปก! เปรียบเทียบ Ryzen 5 ซ็อกเก็ต AM4

เพื่อให้เห็นภาพรวมและสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของซีพียูทั้ง 7 รุ่นได้อย่างชัดเจน ตารางด้านล่างได้รวบรวมข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญที่สุดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความหมายที่แท้จริงซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพนั้นซับซ้อนกว่าที่เห็น

คุณสมบัติRyzen 5 3400GRyzen 5 4500Ryzen 5 5500Ryzen 5 5500GTRyzen 5 5600Ryzen 5 5600GTRyzen 5 5600X
สถาปัตยกรรมZen+ (12nm)Zen 2 (7nm)Zen 3 (7nm)Zen 3 (7nm)Zen 3 (7nm)Zen 3 (7nm)Zen 3 (7nm)
โค้ดเนมPicassoRenoirCezanneCezanneVermeerCezanneVermeer
Cores / Threads4 / 86 / 126 / 126 / 126 / 126 / 126 / 12
Base Clock (GHz)3.73.63.63.63.53.63.7
Boost Clock (GHz)4.24.14.24.44.44.64.6
L3 Cache (MB)481616321632
กราฟิกในตัว (iGPU)Radeon Vega 11ไม่มีไม่มีRadeon Vega 7ไม่มีRadeon Vega 7ไม่มี
PCIe SupportGen 3.0Gen 3.0Gen 3.0Gen 3.0Gen 4.0Gen 3.0Gen 4.0
TDP (Watts)65W65W65W65W65W65W65W
ราคาประมาณการ (บาท)2,5902,3902,4903,7903,6904,3904,490

หมายเหตุ: ราคาเป็นราคาประมาณการ ณ เดือนสิงหาคม 2025 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

ถอดรหัสสเปก

ตัวเลขในตารางอาจดูคล้ายคลึงกันในบางจุด แต่มีความแตกต่างที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยตรง เรามาดูกันครับว่าสิ่งสำคัญที่ซ่อนอยู่ในตารางสเปกเหล่านี้คืออะไรกันบ้าง

เรื่องของสถาปัตยกรรม:

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินประสิทธิภาพของซีพียูเหล่านี้คือ “สถาปัตยกรรม” ซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 3 (R5 5500, 5500GT, 5600, 5600GT, 5600X) มีประสิทธิภาพต่อสัญญาณนาฬิกา (Instructions Per Clock – IPC) สูงกว่า Zen 2 (R5 4500) และ Zen+ (R5 3400G) อย่างก้าวกระโดด ซึ่งหมายความว่าที่ความเร็วสัญญาณนาฬิกา (GHz) เท่ากัน ซีพียู Zen 3 สามารถประมวลผลคำสั่งได้มากกว่า ทำให้มันเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัดในทุกการใช้งาน นี่คือเหตุผลที่ R5 5600 ที่มี Base Clock 3.5 GHz กลับเร็วกว่า R5 3400G ที่มี Base Clock 3.7 GHz อย่างเทียบไม่ติด

มาครับ เราจะมาดูความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสถาปัตยกรรม Zen 2 และ Zen 3 จากรูปภาพด้านบนกัน สรุปความแตกต่างหลัก ๆ ได้เป็น 3 ส่วน คือ Front-End, Execution และ Load/Store ครับ

Front-End Enhancements
  • Zen 2: มี L3 cache ขนาด 16MB ต่อ CCX (Core Complex)
  • Zen 3: มีการปรับปรุง Front-End ที่สำคัญคือ รวม L3 cache ให้มีขนาดใหญ่ 32MB ใน CCX เดียว ทำให้แกนประมวลผลทั้งหมดสามารถเข้าถึง L3 cache ได้โดยตรงและรวดเร็วกว่าเดิมมาก ส่งผลให้ Latency (ความหน่วง) ลดลงและประสิทธิภาพโดยรวมสูงขึ้น นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบ Branch Prediction (การคาดเดาการทำงานล่วงหน้า) ให้ดีขึ้น และมีการทำงานของ Op-cache ที่เร็วขึ้น
Execution Enhancements
  • Zen 2: การประมวลผลคำสั่ง Integer และ Floating Point จะแยกจากกัน โดยมี Resource ที่แตกต่างกัน
  • Zen 3: มีการปรับปรุงการทำงานของ Integer Unit โดยเพิ่มจำนวน Integer Window (+32) และลด Latency ในการเลือก Operands (ตัวดำเนินการ) นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความกว้างของ Dispatch (การส่งคำสั่ง) จาก 4 คำสั่งเป็น 6 คำสั่งต่อรอบ ทำให้สามารถประมวลผลคำสั่งพร้อมกันได้มากขึ้น และยังมีการทำงานของคำสั่ง FMA (Fused Multiply-Add) ที่เร็วขึ้นอีกด้วย
Load/Store Enhancements
  • Zen 2: มีความสามารถในการจัดการหน่วยความจำและแคชที่ดีอยู่แล้ว
  • Zen 3: มีการเพิ่มแบนด์วิดท์ของการโหลดข้อมูลมากขึ้น และมีความยืดหยุ่นในการจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบการจัดการ TLB (Translation Lookaside Buffer) โดยเพิ่มจำนวน TLB Walkers เป็น 4 ชุด ซึ่งช่วยให้การเข้าถึงหน่วยความจำเสมือน (Virtual Memory) มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากครับ
ขนาดของ L3 Cache:

อาวุธลับของเกมเมอร์: แคช L3 คือหน่วยความจำความเร็วสูงที่อยู่บนตัวซีพียู ทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่ใช้งานบ่อยเพื่อลดระยะเวลาที่ซีพียูต้องรอข้อมูลจากแรม สำหรับการเล่นเกมแคช L3 ที่มีขนาดใหญ่ถือเป็นปัจจัยชี้ขาดอย่างหนึ่ง ซีพียู Ryzen 5 5600 และ 5600X มาพร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ถึง 32 MB ซึ่งช่วยลดปัญหาการรับส่งข้อมูลและรักษาเฟรมเรตให้สูงและนิ่งเสถียร โดยเฉพาะค่า 1% Low (เฟรมเรตต่ำสุด) จะดีกว่าอย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้าม รุ่นอื่น ๆ ที่มีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมของ APU (ซีพียูที่มีการ์ดจอในตัวของ AMD) เช่น R5 5500GT, R5 5600GT หรือ R5 5500 แม้จะเป็น Zen 3 แต่จะมีแคช L3 เพียง 16 MB ส่วน R5 4500 มีเพียง 8 MB และ R5 3400G มีแค่ 4 MB เท่านั้น ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมด้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

PCIe 3.0 vs PCIe 4.0 ข้อแตกต่างที่ซ่อนอยู่:

PCI Express (PCIe) คือช่องทางการสื่อสารระหว่างซีพียูกับอุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่บนเมนบอร์ด และอุปกรณ์ที่ค่อนข้างจะมีผลต่อการเลือกใช้รุ่นของ PCIe ก็คือการ์ดจอและ SSD ความเร็วสูง, PCIe 4.0 จะมีแบนด์วิดท์เป็นสองเท่าของ PCIe 3.0 การ์ดจอรุ่นเริ่มต้นถึงระดับกลางในยุคใหม่ ๆ หลายรุ่น เช่น RTX 4060 หรือ AMD Radeon RX 6500 XT ถูกออกแบบมาให้ทำงานบนเลน PCIe 4.0 เพียง 8 เลน (x8) การนำการ์ดจอเหล่านี้ไปใช้กับซีพียูที่รองรับเพียง PCIe 3.0 จะทำให้แบนด์วิดท์ถูกจำกัดลงไปอีก

ในการใช้งานจริง ถ้าใส่การ์ดที่รองรับ PCIe 4.0 x8 ลงในสล๊อตที่เป็น PCIe 3.0 x16 ตัวการ์ดจะทำงานด้วยความเร็วตามมาตรฐานของสล๊อตที่ช้ากว่า นั่นคือ:

  • PCIe 4.0 x8 มีแบนด์วิดธ์สูงสุดที่ประมาณ 15.754 GB/s
  • PCIe 3.0 x8 มีแบนด์วิดธ์สูงสุดที่ประมาณ 7.877 GB/s
  • PCIe 3.0 x16 มีแบนด์วิดธ์สูงสุดที่ประมาณ 15.754 GB/s

แต่เมื่อใส่การ์ด PCIe 4.0 x8 ลงในสล๊อต PCIe 3.0 x16:

  • การ์ดจะทำงานที่ PCIe 3.0 x8 เท่านั้น เพราะจำนวนเลนของการ์ดคือ x8 และความเร็วจะลดลงเหลือ 7.877 GB/s ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง 5-15% หรือมากกว่าในบางเกมนี่คือ “กับดัก” ที่ผู้ใช้ต้องระวังเมื่อเลือกซีพียูรุ่นที่รองรับแค่ PCIe 3.0 ในปี 2025

เบื้องหลังความแตกต่างเหล่านี้มาจากต้นกำเนิดทางสถาปัตยกรรมของซีพียูแต่ละรุ่น ซีพียูอย่าง R5 5600 และ 5600X ใช้การออกแบบที่ชื่อว่า “Vermeer” ซึ่งเป็นดีไซน์แบบ Chiplet ที่ออกแบบมาสำหรับเดสก์ท็อปโดยเฉพาะ ทำให้สามารถใส่แคช L3 ขนาดใหญ่และรองรับเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าอย่าง PCIe 4.0 ได้

ในขณะที่ R5 4500 (Renoir), R5 5500, 5500GT, และ 5600GT (Cezanne) แท้จริงแล้วคือการนำเอา Die (ซิลิคอน) ของซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊กมาปรับใช้ การออกแบบของ Renoir และ Cezanne เป็นแบบ Monolithic Die คือรวมทุกอย่างไว้ใน Die เดียว เพื่อควบคุมต้นทุนและขนาด ทำให้ต้องลดขนาดแคช L3 ลงครึ่งหนึ่ง และจำกัดการเชื่อมต่อไว้ที่ PCIe 3.0 นี่คือการประนีประนอมทางวิศวกรรมที่เป็นสาเหตุหลักของข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเมื่อนำซีพียูเหล่านี้มาจับคู่กับการ์ดจอแยกสำหรับเล่นเกมอย่างจริงจัง

เจาะลึกประสิทธิภาพการใช้งาน

เมื่อเข้าใจถึงความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมแล้ว ต่อไปคือการวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการใช้งานจริง โดยแบ่งออกเป็น 3 สถานการณ์หลัก คือเล่นเกมโดยใช้ซีพียูร่วมกับการ์ดจอ, สถานการณ์ที่สองคือเล่นเกมโดยใช้ iGPU และการใช้งานทั่วไป

1. ประสิทธิภาพการเล่นเกม (เมื่อใช้การ์ดจอแยก)

สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมโดยใช้การ์ดจอแยก การเลือกซีพียูที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องแบนด์วิดท์และดึงประสิทธิภาพของการ์ดจอออกมาให้ได้สูงสุด

  • ราชาเกมมิ่งของ AM4: ตำแหน่งนี้ตกเป็นของ Ryzen 5 5600X และ Ryzen 5 5600 อย่างไม่มีข้อสงสัย ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 “Vermeer”, แคช L3 ขนาดใหญ่ 32 MB และการรองรับ PCIe 4.0 ทำให้ซีพียูทั้งสองรุ่นนี้สามารถขับเคลื่อนการ์ดจอระดับกลางถึงสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผลการทดสอบจากหลายสำนักยืนยันว่าประสิทธิภาพในการเล่นเกมของทั้งสองรุ่นแทบไม่แตกต่างกัน โดย 5600X จะเร็วกว่าเพียง 1-3% จากความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่สูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งมักจะไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งเราสามารถนำราคาที่จ่ายเพิ่มไปปรับปรุงฮีตซิงค์ที่ดีขึ้นก็ทำให้ Ryzen 5 5600 ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพและทำงานด้วย GHz ที่สูงได้อย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า
  • กลุ่มผู้ท้าชิงระดับกลาง: กลุ่มนี้ประกอบด้วย Ryzen 5 5500, 5500GT, และ 5600GT ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 3 “Cezanne” แม้จะเป็น Zen 3 เหมือนกัน แต่ด้วยแคช L3 ที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง (16 MB) และการจำกัดของ PCIe 3.0 ทำให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมเมื่อใช้การ์ดจอแยกลดลงประมาณ 10-18% เมื่อเทียบกับ Ryzen 5 5600 โดยเฉพาะในเกมที่ต้องใช้พลังการประมวลผลของซีพียูสูง (CPU-bound) ซีพียูเหล่านี้อาจจะเล่นเกมเก่า ๆ ได้ไม่มีปัญหาแต่ถ้าเป็นเกมรุ่นใหม่ ๆ เราก็แนะนำให้กลับไปเลือก R5 5600 หรือ R5 5600X จะเหมาะกว่า
  • ไม่เหมาะกับเกม: Ryzen 5 4500 และ Ryzen 5 3400G อยู่ในกลุ่มนี้ ด้วยสถาปัตยกรรมที่จัดว่าเก่า (Zen 2 และ Zen+) จำนวนคอร์ที่น้อยกว่าในกรณีของ R5 3400G และแคช L3 ที่น้อยมาก (8 MB และ 4 MB ตามลำดับ) ทำให้ซีพียูทั้งสองรุ่นนี้กลายเป็นข้อจำกัดที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับการ์ดจอรุ่นใหม่ ๆ และไม่เหมาะกับการเล่นเกมที่จริงจังในปี 2025

คำเตือนเรื่อง “กับดัก PCIe 3.0”: ดังที่กล่าวไปข้างต้น ผู้ใช้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อจับคู่ซีพียูที่รองรับเพียง PCIe 3.0 (เช่น 4500, 5500, 5500GT, 5600GT) กับการ์ดจอรุ่นใหม่ ๆ ที่มี PCIe เลนเชื่อมต่อแบบ x8 เช่น GeForce RTX 4060 หรือ Radeon RX 6500 XT การทำเช่นนี้จะทำให้แบนด์วิดท์ของการ์ดจอถูก “ตัดทอน” ลงอย่างมาก การทำงานบน PCIe 3.0 x8 ซึ่งมีแบนด์วิดท์เพียงครึ่งเดียวของ PCIe 3.0 x16 และอาจส่งผลให้เฟรมเรตลดลง 5-15% โดยไม่จำเป็น หากคุณมีแผนจะใช้การ์ดจอกลุ่มที่เป็น PCIe 3.0 x16 หรือ PCIe 4.0 x8 นี้ การลงทุนเพิ่มเพื่อซื้อ Ryzen 5 5600 ที่รองรับ PCIe 4.0 จึงเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

PCIe
ตารางเปรียบเทียบ PCIe เวอร์ชันและจำนวนเลนของการ์ดจอ
AMD SeriesModelPCIe VersionPCIe Lane
Radeon RX 400, RX500RX 460 / 550 / 560PCIe 3.0x8
RX 470 / 480 / 570 / 580 / 590PCIe 3.0x16
Radeon RX 5000RX 5500/5500 XTPCIe 4.0x8
RX 5700 / 5700 XTPCIe 4.0x16
Radeon RX 6000RX 6300 / 6400 / 6500 XTPCIe 4.0x4
RX 66xx / 6650PCIe 4.0x8
RX 67xx / 68xx / 69xxPCIe 4.0x16
Radeon RX 7000RX 7600 / 7600 XTPCIe 4.0x8
RX 77xx / 78xx / 79xxPCIe 4.0x16
Radeon RX 9000RX 907x / 906xPCIe 5.0x16

NVIDIA SeriesModelPCIe VersionPCIe Lane
GeForce GTX 10GTX 1050 / 1060 / 1070 / 1080PCIe 3.0x16
GeForce GTX 16GTX 16xxPCIe 3.0x16
GeForce RTX 20RTX 20xx / Ti / SuperPCIe 3.0x16
GeForce RTX 30RTX 3050PCIe 4.0x8
RTX 3060, 3070, 3080, 3090 / Ti / SuperPCIe 4.0x16
GeForce RTX 40RTX 4060 / TiPCIe 4.0x8
RTX 4070 / 4080 / 4090 / Ti / SuperPCIe 4.0x16
GeForce RTX 50RTX 5050 / 5060 / TiPCIe 5.0x8
RTX 5070 / 5080 / 5090PCIe 5.0x16
  • ข้อมูลทางเทคนิค
    • PCIe 3.0 x16 = 16 GB/s
    • PCIe 4.0 x16 = 32 GB/s
    • PCIe 5.0 x16 = 64 GB/s

2. พลังของ APU: เล่นเกมแบบไม่ง้อการ์ดจอ

สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นด้วยคอมพิวเตอร์งบประมาณจำกัดและยังไม่ต้องการการ์ดจอแยก ซีพียูที่มีกราฟิกในตัวหรือที่เอเอ็มดีเรียกว่า APU (Accelerated Processing Unit) คือคำตอบที่ดีที่สุด ในกลุ่มนี้เราจะพิจารณา R5 3400G, R5 5500GT และ R5 5600GT

  • Vega 11 ปะทะ Vega 7: แม้ว่า R5 3400G จะมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (Compute Units – CU) มากกว่าคือใช้ Radeon Vega 11 แต่กราฟิก Radeon Vega 7 ใน R5 5500GT และ R5 5600GT กลับให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่สูงกว่าอย่างชัดเจน เหตุผลหลักก็มาจากพลังของคอร์ประมวลผล Zen 3 ที่เร็วกว่ามาก และการรองรับหน่วยความจำ DDR4 ด้วยความเร็วสูงกว่า (3200 MHz เทียบกับ 2933 MHz) ซึ่งช่วยป้อนข้อมูลให้ iGPU ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สรุปได้ว่าสถาปัตยกรรมซีพียูที่ใหม่กว่าส่งผลต่อประสิทธิภาพของ iGPU มากกว่าจำนวนคอร์กราฟิก
  • 5600GT vs. 5500GT: ซีพียูสองรุ่นนี้แทบจะเป็นฝาแฝดกัน ทั้งคู่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 3 “Cezanne” และมี iGPU Radeon Vega 7 เหมือนกัน ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยคือ Boost Clock ของ 5600GT ที่สูงกว่า (4.6 GHz vs 4.4 GHz) ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพสูงกว่าเพียง 1-3% เท่านั้น ซึ่งแทบไม่สามารถสังเกตเห็นได้ในการเล่นเกมจริง ดังนั้น การตัดสินใจเลือกระหว่างสองรุ่นนี้ควรขึ้นอยู่กับราคาเป็นหลัก หากราคาเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก การเลือก 5600GT ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเล็กน้อย แต่หาก 5500GT มีราคาถูกกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ก็ควรเลือก 5500GT เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด
เปรียบเทียบกราฟิกจาก iGPU ของ Ryzen 5 3400G, 5500GT และ 5600GT
รุ่นซีพียูiGPU รุ่นจำนวน CU (Compute Units)GPU Clock สูงสุดสถาปัตยกรรม iGPUรองรับ CODECรองรับจอสูงสุดกระบวนการผลิต
Ryzen 5 3400GRadeon RX Vega 1111 CU (704 shaders)1400 MHzGCN 5 (Picasso)H.264, HEVC, VP93 จอ12nm (GlobalFoundries)
Ryzen 5 5500GTRadeon RX Vega 77 CU (448 shaders)1900 MHzVega (Renoir)H.264, HEVC, VP93 จอ7nm (TSMC)
Ryzen 5 5600GTRadeon RX Vega 77 CU (448 shaders)1900 MHzVega (Renoir)H.264, HEVC, VP93 จอ7nm (TSMC)

  • Ryzen 5 3400G มีจำนวน CU มากที่สุด (11 CU) แต่ใช้สถาปัตยกรรมเก่ากว่า (GCN 5) และความเร็ว GPU ต่ำกว่า
  • Ryzen 5 5500GT และ 5600GT ใช้ iGPU รุ่นเดียวกัน (Vega 7) บนสถาปัตยกรรม Renoir ที่ใหม่กว่าและมี GPU Clock สูงถึง 1900 MHz
  • ทั้งสามรุ่นรองรับการถอดรหัสวิดีโอแบบ H.264, HEVC และ VP9 ผ่านฮาร์ดแวร์
  • รองรับการแสดงผลสูงสุด 3 จอเหมือนกันทั้งหมด

และเช่นกันถ้าจะเล่นเกม APU จากซีพียูราคาประหยัดที่พอคาดหวังได้ในปี 2025 ก็คือ R5 5600GT กับ R5 5500GT สามารถเล่นเกม E-sports ยอดนิยมอย่าง PUBG, Valorant, CS2, League of Legends หรือ Dota 2 ที่ความละเอียด 1080p โดยปรับตั้งค่ากราฟิกในระดับต่ำ (Low settings) ได้อย่างลื่นไหล ทำให้มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับเกมเมอร์งบจำกัด แต่ก็แนะนำให้ใช้กับแรม DDR4 3200MT/s หรือถ้าเป็นระดับ 3600MT/s ได้ก็ยิ่งดี ส่วน R5 3400G ไม่แนะนำถ้าคุณเน้นเล่นเกม

3. ประสิทธิภาพการทำงานและการทำคอนเทนต์

นอกเหนือจากการเล่นเกม ซีพียูเหล่านี้ยังมีความสามารถในการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งวัดผลได้จากโปรแกรมทดสอบอย่าง Cinebench (สำหรับงานเรนเดอร์ 3D) และ Blender

  • ความได้เปรียบของจำนวนคอร์: ในการทำงานที่ต้องใช้หลายคอร์พร้อมกัน (Multi-threaded) เช่น การเรนเดอร์วิดีโอ, การคอมไพล์โค้ด หรือการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ซีพียูที่มี 6 คอร์ 12 เธรด จะทิ้งห่างซีพียู 4 คอร์ 8 เธรดอย่าง R5 3400G ไปไกลมาก
  • Zen 3 เหนือกว่า Zen 2: เมื่อเปรียบเทียบระหว่างซีพียู 6 คอร์ด้วยกัน R5 5500 (Zen 3) ให้ประสิทธิภาพในงาน Multi-threaded สูงกว่า R5 4500 (Zen 2) ประมาณ 20% แม้จะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นการพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพ IPC ที่เหนือกว่าของสถาปัตยกรรม Zen 3 ได้เป็นอย่างดี
  • ประสิทธิภาพคอร์เดี่ยว (Single-Thread): สำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ทุกคอร์พร้อมกัน เช่น การท่องเว็บ, การทำงานเอกสาร, หรือโปรแกรมตัดต่อรูปภาพบางประเภท ประสิทธิภาพต่อคอร์จะมีความสำคัญมากกว่า ซีพียูในกลุ่ม Zen 3 ทั้งหมด โดยเฉพาะรุ่นที่มี Boost Clock สูงอย่าง 5600X และ 5600GT จะให้ความรู้สึกในการใช้งานที่ “ลื่นไหล” และตอบสนองได้รวดเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด
CPUSingle-Core ScoreMulti-Core Score
Ryzen 5 3400G11373635
Ryzen 5 450015616241
Ryzen 5 550018747674
Ryzen 5 5500GT19887505
Ryzen 5 560020538615
Ryzen 5 5600GT20357989
Ryzen 5 5600X21118674

*คะแนนผลการทดสอบเฉลี่ยด้วยโปรแกรม Geekbench 6

การวิเคราะห์ราคาและความคุ้มค่าในตลาดประเทศไทย ปี 2025 (ราคาช่วงเดือนสิงหาคม)

หัวใจสำคัญของการประกอบคอมพิวเตอร์คือการได้รับประสิทธิภาพสูงสุดต่อเงินทุกบาทที่จ่ายไป ในส่วนนี้ เราจะนำข้อมูลประสิทธิภาพมาวิเคราะห์เทียบกับราคาจำหน่ายล่าสุด เพื่อค้นหาตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด

  • กลุ่ม APU ใช้กราฟิกในตัว (iGPU)
    • Ryzen 5 3400G (4C/8T, Boot Clock 4.2 GHz) ราคา 2,590 บาท
    • Ryzen 5 5500GT (6C/12T, Boot Clock 4.4 GHz) ราคา 3,790 บาท
    • Ryzen 5 5600GT (6C/12T, Boot Clock 4.6 GHz) ราคา 4,390 บาท
  • กลุ่มใช้การ์ดจอแยก
    • Ryzen 5 4500 (6C/12T, Boot Clock 4.1 GHz) ราคา 2,390 บาท
    • Ryzen 5 5500 (6C/12T, Boot Clock 4.2 GHz) ราคา 2,490 บาท
    • Ryzen 5 5600 (6C/12T, Boot Clock 4.4 GHz, PCIe 4) ราคา 3,690 บาท
    • Ryzen 5 5600X (6C/12T, Boot Clock 4.6 GHz, PCIe 4) ราคา 4,490 บาท

คำแนะนำสุดท้าย: เลือกซีพียู Ryzen 5 AM4 ที่ใช่สำหรับคุณ

จากการวิเคราะห์ทั้งหมด สามารถสรุปเป็นคำแนะนำที่ชัดเจนตามรูปแบบการใช้งานและงบประมาณได้ดังนี้

Ryzen 5 5500 สำหรับเกมเมอร์สายประหยัด (งบจำกัด แต่มีการ์ดจอแยก)

  • ตัวเลือกที่ดีที่สุด: Ryzen 5 5500
  • ที่ราคา 2,490 บาท นี่คือจุดเริ่มต้นที่คุ้มค่าที่สุดอย่างไม่มีใครเทียบได้ การจ่ายเพิ่มเพียง 100 บาทจาก R5 4500 เพื่อแลกกับประสิทธิภาพของสถาปัตยกรรม Zen 3 ที่เหนือกว่าคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ข้อควรระวัง: ควรจับคู่กับการ์ดจอที่ใช้เลนเชื่อมต่อแบบ x16 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาข้อจำกัดจากแบนด์วิดธ์ของ PCIe 3.0

Ryzen 5 5600 สำหรับเกมเมอร์สายจริงจัง (ต้องการ FPS สูงสุดในราคาคุ้มค่า)

  • ตัวเลือกที่ดีที่สุด: Ryzen 5 5600
  • ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับเกมเมอร์อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง การลงทุนเพิ่มจากรุ่น 5500 จะได้ L3 Cache ขนาด 32 MB และการรองรับ PCIe 4.0 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้อย่างเห็นผล และรองรับการ์ดจอรุ่นใหม่ ๆ ในอนาคตได้ดีกว่า

Ryzen 5 5500GT สำหรับผู้เริ่มต้นประกอบคอม (เครื่องแรก) แบบไม่มีการ์ดจอ

  • ตัวเลือกที่ดีที่สุด: Ryzen 5 5500GT
  • ด้วยราคาใหม่ที่ 3,790 บาท ทำให้กลายเป็นแชมป์ในกลุ่มนี้อย่างชัดเจน ให้ประสิทธิภาพ iGPU ที่ยอดเยี่ยม สามารถเล่นเกม E-sports ที่ 1080p (ปรับต่ำ) ได้สบาย และมีราคาถูกกว่า R5 5600GT ถึง 600 บาท แต่ประสิทธิภาพแทบไม่ต่างกัน นอกจากเกมแล้ว iGPU ก็ยังสามารถรองรับงานอย่างการตัดต่อวิดีโอระดับ FHD เพื่อลงโซเชียลต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา

Ryzen 5 5500 สำหรับสายทำงานและใช้งานทั่วไป (ตัดต่อ, เขียนโปรแกรม, มัลติทาสก์)

  • ตัวเลือกที่ดีที่สุด: Ryzen 5 5500
  • ด้วยคอร์ประมวลผล Zen 3 จำนวน 6 คอร์ 12 เธรด ในราคาเพียง 2,490 บาท ทำให้มันมอบประสิทธิภาพการทำงานแบบ Multi-threaded ต่อราคาได้ดีที่สุด เป็นขุมพลังสำหรับการทำงานในราคาประหยัด สำหรับงบจำกัดและต้องการนำไปใช้คู่กับการ์ดจอแยกนี่เป็นตัวเริ่มต้นที่ดีที่สุด

รุ่นที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ

  • Ryzen 5 3400G, Ryzen 5 4500
    • Ryzen 5 3400G ในปี 2025 สำหรับการประกอบคอมใหม่ผมมองว่าไม่เหมาะโดยเฉพาะจะนำไปเล่นเกม เว้นแต่คุณมีงบจำกัดจริง ๆ แล้วไม่ได้เล่นเกม ใช้ทำงานเอกสารเป็นหลักแล้วก็ใช้แค่ดูหนังฟังเพลงก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่ยอมรับได้ และก็ยังอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเมนบอร์ดบางรุ่นที่ไม่สามารถอัปเกรดไบออสเพื่อให้รองรับซีพียูรุ่นใหม่ ๆ ได้
    • Ryzen 5 4500 ไม่คุ้มค่าที่จะประหยัด 100 บาทเมื่อเทียบกับ R5 5500 การเลือกใช้ R5 4500 ก็จะอยู่ในสถานะที่เราไม่มีทางเลือก เช่นมีไว้สำหรับอัปเกรดแทนซีพียูเก่าที่เสียหายและเมนบอร์ดไม่รองรับ Zen 3

เมนบอร์ดและการอัปเดต BIOS

เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างสมบูรณ์ การเลือกเมนบอร์ดและการตรวจสอบความเข้ากันได้ของ BIOS กับซีพียูก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับเมนบอร์ดซ็อกเก็ต AM4 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ทางผู้ผลิตเมนบอร์ดส่วนใหญ่จะแนะนำให้เลือกใช้เมนบอร์ดชิปเซตเหล่านี้คือ A520 และ B550 เพราะส่วนใหญ่จะได้รับการอัปเดตมาเพื่อรองรับ Ryzen 5000 กันหมดแล้ว ส่วน B450 ก็เล่นได้เพราะมี BIOS รองรับแล้วเช่นกัน แต่อาจจะต้องมาอัปเดตเองถ้าไปเจอรุ่นที่ผลิตมานาน ส่วนการเลือกเมนบอร์ดให้เหมาะกับงบและการใช้งานที่สุด มาดูตารางเปรียบเทียบแบบชัด ๆ กันเลยครับ

เปรียบเทียบชิปเซต AMD: A520 vs B450 vs B550

คุณสมบัติหลักA520 B450 B550 (รองรับ PCIe 4.0)
รองรับ CPURyzen 3000 / 5000 (บางรุ่น)Ryzen 1000–5000 (ขึ้นกับ BIOS)Ryzen 3000 / 5000 / 7000 (บางรุ่น)
Overclockไม่รองรับ**รองรับทั้ง CPU และ RAMรองรับทั้ง CPU และ RAM
PCIe VersionPCIe 3.0 เท่านั้นPCIe 3.0 เท่านั้นPCIe 4.0 (เฉพาะช่องจาก CPU)
จำนวน PCIe lanesน้อยปานกลางมากกว่า รองรับอุปกรณ์เสริมได้ดี
USB / SATA Portsน้อยปานกลางมากกว่า รองรับ USB 3.2 Gen2
ราคาโดยประมาณ~2,000–2,500 บาท~2,500–3,500 บาท~3,500–5,000+ บาท
เหมาะกับการใช้งานใช้งานทั่วไป ไม่ OCเกมเบา ๆ / งานทั่วไป / OC ได้เกมหนัก / งานตัดต่อ / อัปเกรดระยะยาว
รองรับ PCIe 4.0 SSDไม่รองรับไม่รองรับรองรับจาก CPU

**โดยปกติชิปเซต A520 ข้อกำหนดของ AMD จะไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกซีพียูและหน่วยความจำ แต่ไบออสของเมนบอร์ดส่วนใหญ่จะยอมให้ปรับแต่งได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในส่วนของซีพียู และสามารถปรับค่า Timing ได้บ้าง และสามารถเลือกความเร็วต่าง ๆ ของหน่วยความจำได้ หากมีการกำหนดตัวเลือกมาให้ เช่นรองรับ XMP

Mainboard AM4

สรุปแบบเข้าใจง่าย

  • A520 → เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป งบจำกัด ไม่ต้องการ overclock หรือใช้อุปกรณ์ PCIe 4.0
  • B450 → เหมาะกับผู้ที่ต้องการ overclock และมีความยืดหยุ่นในการอัปเกรดซีพียูรุ่นเก่า
  • B550 → เหมาะกับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง รองรับ PCIe 4.0 และอุปกรณ์รุ่นใหม่

การเลือกเมนบอร์ด

  • B450 เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด: เมนบอร์ดชิปเซ็ต B450 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับแพลตฟอร์ม AM4 มีราคาถูกและฟังก์ชันพื้นฐานครบถ้วน อย่างไรก็ตาม มีโอกาสสูงที่เมนบอร์ดที่ซื้อมาจะยังใช้ BIOS รุ่นเก่าซึ่งไม่รองรับซีพียู Ryzen 5000 series ยกว่าจะได้รุ่นที่ผลิตใหม่จริง ๆ
  • B550 เพื่อความสะดวกและฟีเจอร์ที่ดีกว่า: เมนบอร์ดชิปเซ็ต B550 มักจะรองรับซีพียู Ryzen 5000 series มาตั้งแต่โรงงาน (แต่อาจต้องอัปเดตสำหรับรุ่น GT ที่มาใหม่) และมาพร้อมฟีเจอร์ที่ดีกว่า เช่น การรองรับ PCIe 4.0 (เมื่อใช้กับซีพียูที่รองรับ) ซึ่งเป็นประโยชน์หากคุณเลือกใช้ R5 5600 หรือ 5600X และถ้าคุณประกอบพีซีเพื่อเล่นเกม เมนบอร์ดชิปเซต B550 และยังรองรับการ์ดจอที่ใช้ PCIe 4.0 ได้เป็นอย่างดี

ความจำเป็นในการอัปเดต BIOS

นี่คือประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่เลือกใช้เมนบอร์ด B450 หรือรุ่นที่เก่ากว่ากับซีพียู Ryzen 5000 series คุณจำเป็นต้องอัปเดต BIOS ของเมนบอร์ดให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อนจึงจะสามารถใช้งานซีพียูได้ หากคุณกำลังซื้อเมนบอร์ดใหม่ให้พิจารณาดังนี้:

  1. มองหาสติกเกอร์ “Ryzen 5000 Desktop Ready”: หากคุณซื้อเมนบอร์ดจากหน้าร้าน ให้มองหาสติกเกอร์นี้บนกล่อง ซึ่งบ่งบอกว่าเมนบอร์ดได้รับการอัปเดต BIOS มาจากโรงงานแล้ว
  2. เลือกเมนบอร์ดที่มีฟีเจอร์ BIOS Flashback: นี่คือคำแนะนำที่สำคัญที่สุด ขอแนะนำอย่างยิ่งให้เลือกซื้อเมนบอร์ดที่มีฟีเจอร์นี้ (หรืออาจใช้ชื่ออื่นเช่น Q-Flash Plus) ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณสามารถอัปเดต BIOS ได้โดยใช้เพียง USB Flash Drive และ Power Supply โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซีพียูรุ่นเก่าที่เข้ากันได้ลงไปก่อน ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากและแก้ปัญหาในกรณีที่ไม่มีซีพียูสำรอง

ตรวจสอบเวอร์ชัน AGESA: ก่อนดาวน์โหลด BIOS จากเว็บไซต์ผู้ผลิตเมนบอร์ด ให้ตรวจสอบรายละเอียดของเวอร์ชันนั้นๆ คุณต้องมองหา BIOS ที่มี AGESA เวอร์ชัน ComboAm4v2PI 1.2.0.0 หรือใหม่กว่า สำหรับการรองรับ Ryzen 5000 series ทั่วไป และสำหรับรุ่น G-Series หรือ GT-Series ควรเป็นเวอร์ชัน ComboV2 1.2.0.3 B หรือใหม่กว่าเพื่อความเข้ากันได้ที่สมบูรณ์ที่สุด การทราบข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเลือกดาวน์โหลดไฟล์ BIOS ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจได้ว่าระบบใหม่ของคุณจะทำงานได้อย่างราบรื่นตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก

Ryzen 5 5600
สำหรับกองบรรณาธิการของเรา ซีพียู Ryzen 5 5600 ยังคงเป็นหนึ่งในพีซีหลักที่เรายังคงใช้งานอยู่เป็นประจำ โดยใช้งานคู่กับเมนบอร์ดชิปเซต B550

บทสรุปส่งท้าย

แม้ว่าแพลตฟอร์ม AM4 จะไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่การเลือกซีพียู Ryzen 5 ที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ จะช่วยให้คุณได้พีซีที่ทรงพลังและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการใช้งานในครึ่งหลังของปี 2025 และยังสามารถใช้งานต่อได้อีกอย่างน้อยสองหรือสามปีแบบสบาย ๆ ครับ ยิ่งตอนนี้ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ก็ออกมาประกาศแล้วว่าจะยืดระยะเวลาการผลิต DDR4 ไปจนถึงปลายปี 2026 จากเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2025 นั่นเป็นการส่งสัญญาณให้เราทราบว่าแพลตฟอร์ม AM4 ที่รองรับ DDR4 นั้นยังคงมีศักยภาพและสามารถรับมือกับงานด้านต่าง ๆ ได้ดี

ข้อมูลเพิ่มเติม: