Intel ย้ายฐานประกอบและทดสอบชิปสู่เวียดนาม ขยายกำลังผลิตและเร่งรับสมัครบุคลากรเทคโนโลยีเพิ่ม
Intel ประกาศแผนปรับโครงสร้างการผลิตครั้งใหญ่ โดยย้ายส่วนของการประกอบ (assembly) การบรรจุภัณฑ์ (packaging) และการทดสอบ (testing) ชิปจากโรงงานในคอสตาริกา (Costa Rica) ไปยังเวียดนาม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันท่ามกลางตลาดเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การเคลื่อนไหวนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเวียดนามกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักของ Intel มาอย่างยาวนาน
การย้ายฐานและขยายกำลังผลิตที่เวียดนาม
ตามรายงานจาก Digitimes และแหล่งข่าวเวียดนาม Intel วางแผนขนย้ายกำลังการผลิตส่วนสำคัญไปยังโรงงานที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทในนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City) ซึ่งตั้งอยู่ใน Saigon Hi-Tech Park (SHTP) โรงงานดังกล่าวปัจจุบันรับผิดชอบการผลิตชิปกว่า 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมดทั่วโลก และเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตชิปขั้นสูงในกระบวนการ 18A (1.8 นาโนเมตร) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์และ AI
เพื่อให้การย้ายฐานดำเนินไปอย่างราบรื่น Intel ได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเวียดนามในการขนส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ทางอากาศอย่างปลอดภัย รวมถึงการออกใบอนุญาตปฏิบัติการที่เร่งด่วนตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ Intel กำลังเร่งปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ “IDM 2.0” ที่มุ่งเน้นการผลิตในภูมิภาคที่ต้นทุนต่ำและมีศักยภาพสูง
แผนรับสมัครบุคลากรเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากการขยายฐานผลิต Intel ยังเริ่มกระบวนการรับสมัครพนักงานเพิ่มเติมตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม โดยเน้นตำแหน่งช่างเทคนิคการผลิต และบุคลากรด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ จนถึงสิ้นปี 2568 ปัจจุบัน โรงงานใน SHTP มีพนักงานกว่า 6,000 คน และคาดว่าจะรับสมัครเพิ่มอีก 1,500-2,000 ตำแหน่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI และชิปประสิทธิภาพสูง
“เวียดนามมีบุคลากรที่มีทักษะสูงและระบบการศึกษาที่แข็งแกร่ง เราต้องการเสริมทีมเพื่อขับเคลื่อนการนวัตกรรม” แหล่งข่าวจาก Intel ระบุ โดยบริษัทได้ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นในการฝึกอบรมด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนานวัตกรรม ล่าสุด Intel ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ SHTP เพื่อจัดหาอุปกรณ์ฝึกอบรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะช่วยยกระดับทักษะแรงงานท้องถิ่นให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลก
พื้นหลังการลงทุนระยะยาวและผลกระทบทางเศรษฐกิจ
Intel เข้าลงทุนในเวียดนามมาตั้งแต่ปี 2547 หรือกว่า 20 ปี โดยสร้างมูลค่าการส่งออกสะสมกว่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท) จนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 แม้ยังไม่มีตัวเลขลงทุนเฉพาะสำหรับการย้ายฐานครั้งนี้ แต่รายงานคาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนเพิ่มราว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า สำหรับการอัพเกรดโรงงานและศูนย์วิจัยและพัฒนา
การขยายนี้นำมาซึ่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจเวียดนามอย่างมาก โดยจะสร้างงานใหม่จำนวนมาก สนับสนุนห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ และยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศ รัฐบาลนครโฮจิมินห์มองว่านี่เป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ นอกจากนี้ Intel ยังเตรียมร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นในการสำรวจโอกาสลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน
มุมมองอนาคต: เวียดนามคือฮับเซมิคอนดักเตอร์แห่งเอเชีย
การย้ายฐานของ Intel สะท้อนแนวโน้มโลกที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หันมาลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ท่ามกลางความท้าทายจากสงครามการค้าและการขาดแคลนชิปทั่วโลก สำหรับอุตสาหกรรมพีซี และเทคโนโลยีในไทยและภูมิภาค การเคลื่อนไหวนี้อาจนำไปสู่โอกาสความร่วมมือใหม่ ๆ โดยเฉพาะในด้าน supply chain และการฝึกอบรมบุคลากร
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า การขยายของ Intel จะช่วยให้เวียดนามกลายเป็นฮับเซมิคอนดักเตอร์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อตลาดโลกในระยะยาว
