เร่งความเร็วให้ความคิดสร้างสรรค์ด้วย NVIDIA Studio และเปลี่ยนจินตนาการให้เป็นงานศิลปะด้วย AI ใน NVIDIA Canvas

นับตั้งแต่มีกราฟิก NVIDIA GeForce RTX ที่มีฮาร์ดแวร์สำหรับประมวลผล Ray tracing และฮาร์ดแวร์สำหรับประมวลผลด้าน AI ก็ทำให้แอปพลิเคชันเดิม ๆ ที่เคยมีมาได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น รวมไปถึงการเกิดแอปพลิเคชันใหม่ที่ใช้ความสามารถทางด้าน AI ออกมามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสองปีที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน NVIDIA เองก็ได้พยายามทำให้กราฟิก NVIDIA GeForce RTX เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล่นเกม และการนำไปใช้ในเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน NVIDIA ได้จัดทำไดรเวอร์ NVIDIA Studio ออกมาเพื่อเร่งความเร็วในการประมวลผลให้กับแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันด้านการตัดต่อวิดีโอ และแอปพลิเคชันด้านกราฟิก 3D เป็นต้น

และล่าสุดทาง Adobe ผู้พัฒนาแอปพิลเคชันด้านดิจิทัลคอนเทนต์ยอดนิยมของเหล่าครีเอเตอร์ ก็ได้ประกาศถึงการปรับปรุงครั้งใหญ่ในแอปพลิเคชันด้าน 3D  นั่นก็คือ Adobe Substance 3D Collection

Adobe Substance 3D ขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ให้เร็วขึ้นด้วย NVIDIA Studio

Adobe Substance 3D เป็นชุดของแอปพิลเคชันด้าน 3D ที่ประกอบไปด้วย Painter, Designer, Sampler และล่าสุดคือ Stager ที่มาพร้อมกับไลบรารีด้านกราฟิกมากมายไม่ว่าจะเป็นโมเดล, พื้นผิววัสดุ รวมไปถึงตัวจัดการเรื่องแสงและเงา ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปได้แบบอัตโนมัติ ด้วยพลังของฮาร์ดแวร์ Ray tracing (RT-Core) และเร่งการประมวลผลพร้อมลดขั้นตอนการทำงานซ้ำ ๆ ที่ยุ่งยากอีกชั้นด้วย AI (Tenser Core) โดยทั้งหมดนี้จะทำงานร่วมกับ NVIDIA Studio Driver รุ่นใหม่ ทำให้นักออกแบบดิจิทัลสามารถสร้างผลงานออกมาได้อย่างอิสระตามจินตนาการ ที่สำคัญคือใช้เวลาน้อยลงและลดขั้นตอนการทำงานซ้ำ ๆ ลงไปได้มาก

กราฟิก 3D ที่มีรายละเอียดมากกว่าที่เคย ด้วยพลังของ NVIDIA RTX GPU

แอปพลิเคชัน Substance เป็นซอฟต์แวร์หลักที่นักออกแบบกราฟิก 3D ใช้งานกันมาเป็นเวลาหลายปี และการอัปเดตครั้งล่าสุดนี้ได้ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ Ray tracing ที่มีประสิทธิภาพ และอัลกอริธึม AI เพื่อเร่งความเร็วในการสร้างคอนเทนต์ 3D และตอนนี้ Substance เองก็ได้ขยายการทำงานออกไปด้วยแอปพลิเคชันย่อยใหม่ ๆ ที่ทำให้ลงรายละเอียดลงไปในเนื้องานได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน และเมื่อนำงานมาหมดมาผสานกัน งาน 3D ที่ได้ไม่เพียงแต่จะรวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดและคุณภาพของงานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลของการที่มีฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงมารองรับการทำงานในด้านต่าง ๆ นั่นเอง นั่นทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของกราฟิกการ์ดที่ใช้ NVIDIA RTX GPU สามารถมีประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานแอปพลิเคชัน รวมถึงมีเวิร์คโฟลว์ที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้ได้ผลงานออกมาสวยงาม มีรายละเอียด และใช้เวลาน้อยลง

Substance 3D Designer เป็นแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่สร้างวัสดุและแบบจำลองโดยใช้ทรัพยากรที่มีในระบบอยู่แล้ว หรือสร้างวัสดุขึ้นมาใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นในสภาพแวดล้อมที่ไม่ไปทำลายโมเดลดั้งเดิมที่มีอยู่ ในขณะที่ Substance Painter เป็นแอปพิลเคชันที่จัดการเรื่องการใช้สีและวัสดุที่กำหนดเองกับโมเดล 3D โดยตรง แอปพลิเคชันทั้งสองสามารถแสดงผลให้เห็นเนื้องานได้ในแบบ real-time ระหว่างการแก้ไขผ่านไลบรารี NVIDIA Iray ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น รวมถึงการเรนเดอร์ Ray tracing ที่เร็วขึ้นด้วยฮาร์ดแวร์ของ RTX ที่ให้ความเร็วในการเรนเดอร์ที่เหนือกว่าฮาร์ดแวร์อื่น

Substance 3D Sampler (ก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อ Alchemist) ทำหน้าที่ในการแปลงตัวอย่างจากภาพถ่ายจาก 2D ให้เป็นวัสดุ 3D คุณภาพสูงที่พร้อมใช้งาน ประหยัดเวลาอันมีค่าจากการสร้างวัสดุตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมความสามารถในการใส่แสงด้วย Ray tracing ได้รวดเร็วจาก RTX เช่นเคย ช่วยให้นักออกแบบใช้เอฟเฟกต์ที่สมจริงกับวัสดุชนิดต่าง ๆ ได้ในแบบเรียลไทม์ ซึ่งปกติแล้วงานแบบนี้เป็นไปไม่ได้ด้วยการใช้ CPU เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ Sampler ยังสามารถสามารถใช้ AI มาประผลอีกด้วยว่าภาพต้นฉบับที่เราถ่ายมานั้นเป็นวัสดุแบบใด จะตอบสนองต่อการใช้แสงและเงาในรูปแบบใด ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าขาดคุณสมบัติในการเร่งความเร็วการประมวลผลด้าน AI จาก NVIDIA RTX GPU

โดยเฉพาะ Substance 3D Stager ที่ทำหน้าเหมือนกับผู้รวบรวมผลงานจากแอปพลิเคชันย่อยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Painter, Designer และ Sampler เข้ามาเป็นเนื้องานเดียวกัน โดย 3D Stager จะทำหน้าที่จัดการเรื่องแสงและเงาซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของงาน 3D ที่จะให้ผลงานออกมาสมจริงมีชีวิตชีวา และด้วย NVIDIA RTX GPU ที่มีฮาร์ดแวร์ Ray tracing จึงทำให้งานต่าง ๆ เหล่านั้นเสร็จสมบูรณ์ได้ง่ายและรวดเร็ว

ไม่เพียงเท่านั้น ในอนาคตทาง Adobe ยังได้เตรียมแอปพิลเคชันย่อยในชุดของ Substance 3D ไว้อีก นั่นก็คือ Substance 3D Modeler (ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบ) ซึ่งจะพร้อมใช้งานในเร็ว ๆ นี้ ให้นักออกแบบดิจิทัลสามารถสร้างและรวมโมเดล 3D ได้เองในทุกขั้นตอนของกระบวนการสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคอนเซปต์อาร์ต การร่างภาพ หรือการสร้างต้นแบบ โดยแอปพลิเคชันทั้งหมดสามารถใช้ Vulkan API ซึ่งเป็น API ที่สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงพลังของ RTX GPU ได้อย่างอิสระ 

ภาพสวยด้วย AI คุณคิด เราวาด NVIDIA Canvas

เราชื่อว่าหลายคนคงจะเคยจินตนาการถึงภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและเคยพยายามจะถ่ายทอดมันออกมาให้เป็นงานศิลปะที่สวยงาม แม้ทุกคนจะสามารถจินตนาการภาพที่อยู่ในหัวได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถวาดรูปที่สวย ๆ ออกมาได้อย่างที่ใจต้องการ

แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง AI ทำให้เราสามารถเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนจินตนาการของเราให้ออกมาเป็นภาพที่สวยงามได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า NVIDIA Canvas

NVIDIA Canvas เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NVIDIA Studio ที่จะแสดงให้เห็นว่างานความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ สามารถทำให้สำเร็จได้ง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีของ AI โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น NVIDIA Canvas ก็เป็นเพียงงานวิจัยที่เป็นเรื่องของ AI, ML และ DL เท่านั้น แต่ตอนนี้ก็ได้ถูกพัฒนาออกมาเป็นซอฟต์แวร์ NVIDIA Canvas ที่ทำให้ผู้ใช้งาน RTX GPU สามารถใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า

NVIDIA Canvas มองเผิน ๆ แล้วอาจจะดูเหมือนซอฟต์แวร์ที่ทำออกมาเพื่อเล่นสนุก หรือสร้างภาพเล่น ๆ แต่ภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วย NVIDIA Canvas นั้น สามารถจะทำการ Export ออกมาเป็นไฟล์ .PSD ที่มีการแยก Layer เพื่อนำไปใช้งานต่อในระดับมืออาชีพได้ทันที 

เบื้องหลังความสำเร็จของ NVIDIA Canvas 

NVIDIA Canvas ใช้รูปแบบของ AI ที่เรียกว่า generative adversarial network ซึ่งประกอบด้วยตัวสร้าง (generator) และตัวจำแนก (discriminator)

Generator มีจุดมุ่งหมายเพื่อแปลงแผนที่วัสดุเป็นภาพ Discriminator รู้ว่าบ่อน้ำและทะเลสาบที่แท้จริงมีภาพสะท้อน และบอกให้ Generator สร้างสิ่งเลียนแบบที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ภาพที่เหมือนจริงสำหรับนักออกแบบ โดย GAN (ชื่อเต็มคือ NVIDIA GauGAN โมเดลการเรียนรู้) ได้รับการฝึกอบรมผ่านระบบ NVIDIA DGX โดยใช้ภาพมากกว่า 5 ล้านภาพ ในการเรียนรู้ เพื่อที่จะสร้างภาพวิวทิวทัศน์ที่มีความสมจริงออกมาได้ 

สำหรับใครที่สนใจสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม NVIDIA Canvas มาทดลองใช้งานได้แล้ว (ใช้งานร่วมกับกราฟิก RTX เท่านั้น ใช้ได้ทั้งเดสก์ท้อปและโน้ตบุ๊ก)

เร่งความเร็วการสร้างสรรค์ด้วย NVIDIA Studio Driver รุ่นใหม่

NVIDIA เพิ่งทำการอัปเดต Studio Driver รุ่นใหม่ในเดือนมิถุนายน นี้ โดยเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ที่น่าสนใจดังนี้ 

  • Resizable BAR – เพิ่มคุณสมบัติที่ทำให้ CPU สามารถเข้าถึงหน่วยความจำของกราฟิก GPU GeForce RTX 30 Series ได้โดยตรงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านกราฟิก เพราะสามารถรับส่งข้อมูลกันได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
  • Dynamic Boost 2.0 – ใช้ AI เพื่อปรับสมดุลการใช้พลังงานระหว่าง CPU กับ GPU และรวมไปถึงการใช้หน่วยความจำของ GPU บนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ที่ใช้สถาปัตยกรรม NVIDIA Ampere ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันในการสร้างดิจิทัลคอนเทนต์
  • เปิดให้ระบบปฏิบัติการบน Windows เครื่องเสมือน (Virtual Machine) ที่ใช้โฮสต์เป็น Linux สามารถเข้าถึงการทำงานของ GeForce GPU ในระดับฮาร์ดแวร์ได้โดยตรง เหมือนเป็นการติดตั้งกราฟิกการ์ดลงไปบนเครื่องจริง ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานโดยเฉพาะการเล่นเกมและแอปพลิเคชันด้านกราฟิก

นอกจากนี้ NVIDIA Studio Driver รุ่นใหม่ ยังช่วยเร่งประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ให้ทำงานได้เร็วขึ้น ดังภาพตัวอย่างต่อไปนี้ Blender ทำความเร็วในการเรนเดอร์ผ่าน OptiX ได้เร็วขึ้น 6% ทำ Motion Blur ได้เร็วขึ้น 41%, Vray เรนเดอร์ผ่าน OptiX ได้เร็วขึ้น 11% และ OCTANE RENDER เรนเดอร์ Ray tracing ได้เร็วขึ้น 4% ผ่านฮาร์ดแวร์ RTX 


ดาวน์โหลด NVIDIA Studio Driver รุ่นล่าสุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแอปพลิเคชันได้ที่นี่ (New Studio Driver)

NVIDIA Studio ส่งมอบประสบการณ์และประสิทธิภาพสูงสุด

และทั้งหมดนี้ก็คือการอัปเดตล่าสุดของ NVIDIA Studio ที่จะมาทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของกราฟิก NVIDIA RTX ไม่ว่าจะเป็น RTX บนเดสก์ท็อปหรือ RTX บนโน้ตบุ๊กสามารถใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์พิเศษที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น RT-Core สำหรับงานด้าน Ray tracing และ Tenser Core สำหรับการประมวลด้าน AI ซึ่งเหล่านี้มีเพียง NVIDIA RTX เท่านั้นที่มี และสามารถส่งมอบประสบการณ์และประสิทธิภาพอันสูงสุดให้กับผู้ใช้งานได้

ข้อมูลเพิ่มเติม www.nvidia.com