rtx-pro-4000-blackwell-sff
|

NVIDIA เปิดตัว RTX PRO 4000 Blackwell SFF Edition และ RTX PRO 2000 Blackwell การ์ดจอ Workstation รุ่นเล็ก แต่ประสิทธิภาพไม่เล็ก

ยุคที่ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกแอปพลิเคชันได้มาถึงแล้ว และความต้องการพลังการประมวลผล AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในดาต้าเซ็นเตอร์หรือเวิร์คสเตชันขนาดใหญ่อีกต่อไป NVIDIA ผู้นำด้านการประมวลผลกราฟิกและ AI ได้ตอกย้ำทิศทางนี้ด้วยการเปิดตัวการ์ดจอตระกูล RTX PRO รุ่นใหม่ 2 รุ่น ที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell อันทรงพลัง ได้แก่ NVIDIA RTX PRO 4000 Blackwell SFF Edition และ NVIDIA RTX PRO 2000 Blackwell ซึ่งเป็นการนำขุมพลังระดับสูงมาย่อส่วนลงในฟอร์มแฟคเตอร์ที่เล็กลงและประหยัดพลังงานมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์มืออาชีพในทุกอุตสาหกรรม

ย่อส่วน Blackwell: เมื่อขนาดไม่ใช่ตัวกำหนดประสิทธิภาพ

หัวใจสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้คือการทำลายข้อจำกัดเดิมๆ ที่ว่า “การ์ดจอแรงต้องใหญ่และกินไฟ” NVIDIA ได้นำสถาปัตยกรรม Blackwell ที่เพิ่งสร้างเสียงฮือฮาในฝั่งดาต้าเซ็นเตอร์ มาบรรจุลงในการ์ดจอสำหรับเวิร์คสเตชันขนาดกะทัดรัด (Small Form Factor – SFF) และแบบ low-profile

การ์ดจอทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับ RT Cores รุ่นที่ 4 สำหรับการประมวลผล Ray Tracing และ Tensor Cores รุ่นที่ 5 ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วงานด้าน AI โดยเฉพาะ ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญสำหรับวิศวกร, นักออกแบบ, ศิลปินดิจิทัล ไปจนถึงนักพัฒนา AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดบนเดสก์ท็อปขนาดเล็ก

แรงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในกรอบพลังงานเดิม

จุดที่น่าสนใจที่สุดในเชิงเทคนิค คือการเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับรุ่นก่อนหน้า (สถาปัตยกรรม Ada Lovelace):

  • NVIDIA RTX PRO 4000 SFF Edition: รุ่นนี้ถือเป็นดาวเด่นของการเปิดตัว ด้วยประสิทธิภาพด้าน AI ที่สูงขึ้นถึง 2.5 เท่า, ประสิทธิภาพ Ray Tracing ดีขึ้น 1.7 เท่า และมี แบนด์วิดท์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า (จากการใช้หน่วยความจำ GDDR7) สิ่งที่น่าทึ่งคือทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้การใช้พลังงานสูงสุดเท่าเดิมที่ 70 วัตต์ นี่คือความสำเร็จทางวิศวกรรมที่สำคัญ หมายความว่าองค์กรหรือผู้ใช้งานสามารถอัปเกรดระบบเดิมได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนพาวเวอร์ซัพพลายหรือระบบระบายความร้อนใหม่
  • NVIDIA RTX PRO 2000 Blackwell: มุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ใช้งาน CAD, การออกแบบผลิตภัณฑ์ และงานสร้างสรรค์ทั่วไป โดยให้ประสิทธิภาพการสร้างโมเดล 3 มิติเร็วขึ้น 1.6 เท่า, งานออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD) เร็วขึ้น 1.4 เท่า และการเรนเดอร์ภาพไวขึ้น 1.6 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่ไฮไลท์ที่แท้จริงอยู่ในยุคของ Generative AI ที่การ์ดจอรุ่นนี้สามารถสร้างภาพ (Image Generation) ได้เร็วขึ้น 1.4 เท่า และสร้างข้อความ (Text Generation) เร็วขึ้นถึง 2.3 เท่า ช่วยให้การทำงานวนซ้ำ (iteration) และการสร้างต้นแบบรวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

พลิกโฉมการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม

NVIDIA ไม่ได้มีแค่ตัวเลขมาแสดง แต่ยังนำเสนอ Use Case จากบริษัทชั้นนำที่ได้ทดลองใช้การ์ดจอรุ่นใหม่เหล่านี้:

  • ด้านวิศวกรรมและภูมิสารสนเทศ: Jon Villines จาก Mile High Flood District และ Gabriel Ortiz Rico จาก Government of Cantabria พบว่า RTX PRO 2000 Blackwell ช่วยให้การประมวลผลข้อมูล GIS ที่มีขนาดใหญ่และการจำลองสถานการณ์ที่ซับซ้อนทำได้เร็วขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการ Fine-tuning โมเดล AI ที่เร็วขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
  • ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบด้วย AI: Tim Fu จาก Studio Tim Fu (STF) ในลอนดอน ใช้ RTX PRO 2000 Blackwell ขับเคลื่อนแอปพลิเคชัน “UrbanGPT” ซึ่งสามารถแปลงข้อความเป็นโมเดลเมือง 3 มิติได้แบบเรียลไทม์ ช่วยเร่งกระบวนการออกแบบและวางผังเมืองได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • ด้านการวิเคราะห์โครงสร้าง: Rob Otani, CTO ของ Thornton Tomasetti บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมระดับโลก เผยว่าเมื่อทดสอบกับซอฟต์แวร์วิเคราะห์ Finite Element Analysis (FEA) ของบริษัท RTX PRO 2000 Blackwell ทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อน 3 เท่า และเร็วกว่าการใช้ CPU ทั่วไปถึง 27 เท่า
  • ด้านผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ: แม้แต่ในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง Glüxkind ผู้ผลิตรถเข็นเด็กอัจฉริยะ ก็ใช้พลังของ RTX PRO 2000 Blackwell ในการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ เพื่อให้รถเข็นมีความปลอดภัยและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น

ไม่ใช่แค่ฮาร์ดแวร์ แต่คือ Ecosystem ที่สมบูรณ์

พลังของสถาปัตยกรรม Blackwell ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่ตัวฮาร์ดแวร์ แต่ยังได้รับการสนับสนุนจาก Ecosystem ซอฟต์แวร์ที่แข็งแกร่งของ NVIDIA ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA AI Enterprise, แพลตฟอร์ม NVIDIA Cosmos ที่ทำให้โมเดล AI ขนาดใหญ่ (เช่น Cosmos-Reason1-7B) สามารถรันบนเวิร์คสเตชันขนาดเล็กอย่าง RTX PRO 4000 SFF ได้, แพลตฟอร์ม NVIDIA Omniverse สำหรับการทำ Digital Twins และการจำลองเสมือนจริง ไปจนถึงไลบรารี CUDA-X ที่มีนักพัฒนากว่า 6 ล้านคนใช้งาน

การวางจำหน่าย

การมาถึงของ RTX PRO 4000 SFF และ RTX PRO 2000 Blackwell คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า NVIDIA กำลังผลักดันให้พลังการประมวลผล AI และกราฟิกระดับสูงเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในทุกขนาดพื้นที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศขนาดเล็ก หรือเวิร์คสเตชันข้างโต๊ะทำงานของวิศวกร นี่คือการ “Democratize” พลังของ AI อย่างแท้จริง ทำให้มืออาชีพสามารถสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์อีกต่อไป

NVIDIA RTX PRO 2000 Blackwell และ NVIDIA RTX PRO 4000 Blackwell SFF Edition จะเริ่มวางจำหน่ายภายในปีนี้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่าง PNY, TD SYNNEX และผู้ผลิตระบบคอมพิวเตอร์ชั้นนำ เช่น Dell Technologies, HP และ Lenovo

ข้อมูล: NVIDIA RTX Pro 2000 / RTX Pro 4000