nvidia workstation rtx pro 5000
|

NVIDIA เปิดตัว RTX PRO 5000 Blackwell พร้อมตัวเลือกหน่วยความจำ 72GB ยกระดับงานเวิร์คสเตชั่นสำหรับยุค AI

NVIDIA ได้เปิดตัว NVIDIA RTX PRO 5000 Blackwell GPU มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งในครั้งแรกนั้นเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ 48GB และในตอนนี้ NVIDIA ก็ได้นำเสนอทางเลือกของหน่วยความจำที่ขยายใหญ่ขึ้น โดยมีรุ่นหน่วยความจำสูงพิเศษถึง 72 GB และใช้หน่วยความจำแบบ GDDR7 ที่รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับงานด้าน Generative AI, การจำลองแบบเรียลไทม์, และการเรนเดอร์ที่มีความสมจริงสูง

หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อจัดการข้อมูลขนาดใหญ่

NVIDIA RTX PRO 5000 มาพร้อมหน่วยความจำ GDDR7 ที่มีแบนด์วิดท์และความจุที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีตัวเลือกหน่วยความจำ GPU ขนาด 48 GB หรือ 72 GB พร้อม ECC (Error-Correcting Code) ซึ่งมีความจุเป็นสองเท่าของรุ่นก่อนหน้า และมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่ 1.3 TB/s หรือ 1,344 GB/s ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

การเพิ่มความจุหน่วยความจำเป็น 72 GB ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถทำงานกับข้อมูลขนาดใหญ่, สร้างโมเดล 3 มิติที่ซับซ้อน, และเรียกใช้เวิร์คโฟลว์หลายแอปพลิเคชันที่เสริมด้วย AI ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดชะงัก นอกจากนี้ ยังรองรับการปรับแต่งโมเดล AI ขนาดใหญ่ ได้ในบนพีซีหรือเวิร์คสเตชัน และสำรวจสภาพแวดล้อม VR ที่มีขนาดใหญ่

ประสิทธิภาพ AI และกราฟิกที่เหนือกว่า

RTX PRO 5000 ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วในทุกด้าน ตั้งแต่การพัฒนา AI, การอนุมาน (inference) LLM, เวิร์คโฟลว์ Generative AI, ไปจนถึงการจำลองที่มีความเที่ยงตรงสูง, การผลิตวิดีโอ, และการสร้างโมเดล 3 มิติที่ซับซ้อนบนเดสก์ท็อปของคุณ

การ์ดรุ่นนี้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ AI อย่างมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ผ่านนวัตกรรมที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรม Blackwell:

  1. Fifth-Gen Tensor Cores: คอร์ Tensor เจนเนอเรชั่นที่ห้า มอบประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 3 เท่า และรองรับความแม่นยำ FP4 ซึ่งช่วยลดความต้องการหน่วยความจำและทำให้การประมวลผลโมเดล AI เร็วขึ้น โดยมีประสิทธิภาพ AI สูงสุดถึง 2,064 AI TOPS
  2. Fourth-Gen Ray Tracing Cores: คอร์ Ray Tracing เจนเนอเรชั่นที่สี่ เพิ่มอัตราการตัดกันของรังสีและสามเหลี่ยมเป็นสองเท่าของรุ่นก่อน และรองรับเทคโนโลยี RTX Mega Geometry ที่ช่วยให้สามารถเรนเดอร์สามเหลี่ยมที่ประมวลผลด้วย Ray Tracing ได้มากขึ้นถึง 100 เท่า
  3. Neural Shaders และ DLSS 4: สตรีมมิ่งมัลติโปรเซสเซอร์ (SMs) ที่ได้รับการปรับปรุงสร้างขึ้นมาสำหรับ Neural Shaders ขณะที่ DLSS 4 Multi Frame Generation ช่วยให้ได้อัตราเฟรมที่ราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับการจำลองเสมือนจริง, ให้ประสบการณ์ที่เร็วขึ้นถึง 3 เท่า

คุณสมบัติระดับองค์กรสำหรับงานสำคัญ

RTX PRO 5000 ยังมาพร้อมคุณสมบัติระดับมืออาชีพที่จำเป็นสำหรับงานวิศวกรรมและการออกแบบ:

  • PCIe Gen 5: รองรับ PCIe Gen 5 ซึ่งมีแบนด์วิดท์เป็นสองเท่าของ PCIe Gen 4 เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสำหรับงานที่ต้องใช้ข้อมูลมาก เช่น AI และการสร้างโมเดล 3 มิติ
  • Video Engines เจนเนอเรชั่นใหม่: ประกอบด้วย NVENC เจนเนอเรชั่นที่เก้า และ NVDEC เจนเนอเรชั่นที่หก (อย่างละ 3x) รองรับการเข้ารหัสและถอดรหัส 4:2:2 เพื่อปรับปรุงเวิร์คโฟลว์วิดีโอความละเอียดสูง
  • DisplayPort 2.1: มีพอร์ต DisplayPort 2.1b สี่ช่อง รองรับการแสดงผลความละเอียดสูงถึง 8K ที่ 240 Hz และ 16K ที่ 60 Hz
  • Universal MIG (Multi-instance GPU): ช่วยให้สามารถแบ่ง RTX PRO 5000 หนึ่งตัวออกเป็นหลายอินสแตนซ์ที่แยกจากกัน โดยรุ่น 72 GB รองรับการแบ่งเป็น 1x 72 GB หรือ 2x 36 GB ในขณะที่รุ่น 48 GB รองรับ 1x 48 GB หรือ 2x 24 GB ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน GPU และแยกงานที่แตกต่างกันได้อย่างปลอดภัย

แต่เดิม RTX PRO 5000 ที่มาพร้อมกับ VRAM ขนาด 48GB ก็ถือว่าเป็นการ์ดที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีอยู่แล้ว และตอนนี้ยิ่งมีรุ่น RTX PRO 5000 รุ่น 72GB ก็ยิ่งทำให้การ์ดรุ่นนี้น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะบางงานไม่ได้ต้องการประสิทธิภาพที่สูงไปกว่านี้แต่ว่าต้องการพื้นที่ของหน่วยความจำที่มากขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานร้องขอมาโดยตลอด ดังนั้นการมาของการ์ดความจุ 72GB นี้ก็จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี

RTX PRO 5000 VRAM 72GB

ข้อมูลเพิ่มเติม: NVIDIA