- Agentforce เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้คนและ AI ร่วมมือกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมความสำเร็จให้ลูกค้า โดยมอบระบบเจ้าหน้าที่อัตโนมัติ (Autonomous Agents) ให้กับองค์กรต่าง ๆ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ประสิทธิภาพ และความพึงพอใจในการให้บริการ การขาย การตลาด การค้า รวมถึงกิจกรรมทางธุรกิจอื่น ๆ
- ระบบ Atlas Reasoning Engine ที่พัฒนาขึ้นใหม่ใน Agentforce เป็นระบบ AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และทำงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ พร้อมให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้และแม่นยำ
- ด้วย Agentforce องค์กรต่าง ๆ สามารถสร้าง ปรับแต่ง และใช้งาน Agent ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยใช้เครื่องมือแบบ low-code ที่ลดความจำเป็นในการเขียนโปรแกรม
- Agentforce Partner Network ใหม่ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งาน agent ที่พร้อมใช้งาน และฟังก์ชันต่าง ๆ จากพาร์ทเนอร์ชั้นนำ อาทิ Amazon Web Services, Google, IBM, Workday และอื่น ๆ อีกมากมาย
- ลูกค้าอย่างบริษัท OpenTable, Saks และ Wiley เลือกใช้แพลตฟอร์ม Agentforce เพราะสามารถทำงานเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันของบริษัท และรองรับการติดต่อในหลากหลายช่องทาง ช่วยเสริมศักยภาพให้พนักงาน และสามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของธุรกิจ
Salesforce (เซลส์ฟอร์ซ) ผู้นำ AI CRM อันดับ 1 ได้เปิดตัว Agentforce ซึ่งเป็นชุดเจ้าหน้าที่ AI อัจฉริยะอัตโนมัติ (AI Agent) ที่ทันสมัยที่สุด มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่พนักงานในงานบริการ งานขาย การตลาด และการค้า เพื่อส่งเสริมความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า Agentforce ช่วยให้องค์กรสามารถขยายกำลังคนได้อย่างง่ายดายด้วยการคลิกไม่กี่ครั้ง เจ้าหน้าที่ AI อัจฉริยะเหล่านี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และปฏิบัติงานต่าง ๆ เช่น ตอบคำถามของลูกค้า คัดกรองลูกค้าเป้าหมาย ปรับปรุงแคมเปญการตลาด ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น องค์กรสามารถสร้าง ปรับแต่ง และใช้งาน AI agent เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายในทุกอุตสาหกรรม เนื่องจากยุคของ AI agent ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
มาร์ค เบนิออฟ (Marc Benioff) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซลส์ฟอร์ซ กล่าวว่า “Agentforce เป็นตัวแทนคลื่นลูกที่สามของการพัฒนา AI ซึ่งก้าวข้ามจาก Copilot ไปสู่ยุคใหม่ของ Agent ที่มีความแม่นยำสูง และลดปัญหาเรื่องการแสดงข้อมูลหรือเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงลง การพัฒนานี้จะขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น Agentforce เป็นโซลูชันที่จะปฏิวัติวงการ มีความแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ และมีการทำงานที่สามารถเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถผสานรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับทุกกระบวนการทำงานได้อย่างราบรื่น และสร้างอยู่บนพื้นฐานหัวใจสำคัญในเส้นทางประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งหมายความว่าเราจะสามารถคาดการณ์ความต้องการ สร้างความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้นและการเติบโต รวมถึงสร้างการทำงานเชิงรุกในทุกที่ที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์”
คุณ มาร์ค กล่าวเสริมว่า “ในขณะที่คุณจำเป็นต้องสร้างและพัฒนา AI ด้วยตัวเองในแพลตฟอร์มอื่น ๆ Agentforce นั้นนำเสนอแพลตฟอร์มที่ให้คุณสามารถปรับแต่งด้วยตนเองได้อย่างสมบูรณ์ และพร้อมใช้งานสำหรับองค์กร และออกแบบมาเพื่อสร้างผลลัพธ์และขยายเพิ่มการเติบโตได้ในทันที ด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูง การทำงานที่เป็นไปตามมาตรฐานของอุตสาหกรรม และความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ในแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ วิสัยทัศน์ของเรานั้นเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นชัดเจน คือการเพิ่มศักยภาพให้กับหนึ่งพันล้าน Agent ด้วย Agentforce ภายในสิ้นปี 2025 และนี่คือความหมายของการพัฒนา AI
ในอดีต ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ (Copilots) และแชทบอทต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ และมักประสบปัญหากับงานที่ซับซ้อนหรือมีหลายขั้นตอน แต่ Agentforce เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ทำงานได้อย่างอัตโนมัติ โดยสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการ วางแผนการทำงาน และดำเนินการตามแผนนั้นได้เองโดยไม่ต้องมีคนควบคุม แพลตฟอร์มนี้ทำงานคล้ายรถยนต์ไร้คนขับ โดยใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในการปรับการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ และทำงานภายในขอบเขตที่องค์กรกำหนดไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการลูกค้าจะมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง และตรงประเด็น หากต้องการ Agentforce ก็สามารถส่งต่อให้พนักงานรับช่วงต่อได้ โดยจะสรุปรายละเอียดการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ข้อมูลของลูกค้า และข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินการต่อไป
บริษัทชั้นนำอย่าง OpenTable, Saks และ Wiley ได้ใช้ Agentforce ช่วยพัฒนาธุรกิจของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น Agentforce ช่วยให้ Wiley สามารถให้บริการลูกค้าด้วยระบบสนทนาอัตโนมัติที่ทันสมัย ระบบจะตอบคำถามโดยใช้ฐานความรู้ของ Wiley ที่อยู่ใน Salesforce จึงสามารถแก้ปัญหาการเข้าใช้บัญชีได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังช่วยจัดการปัญหาการลงทะเบียนและการชำระเงิน โดยแนะนำลูกค้าไปยังแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง
ด้วยการมี Agentforce ช่วยจัดการกับคำถามที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ทำให้ Wiley สามารถแก้ปัญหาเคสได้เพิ่มขึ้นกว่า 40% ซึ่งทำได้ดีกว่าแชทบอทเดิม และช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการจัดการกับเคสที่ซับซ้อน
ทำไมการพัฒนาครั้งนี้จึงมีความสำคัญ
ตามรายงาน Salesforce Trends in AI Report ระบุว่าพนักงานใช้เวลาถึง 41% ไปกับงานซ้ำซากและไม่ค่อยมีความสำคัญต่อธุรกิจ และ 65% ของพนักงานเชื่อว่า Generative AI จะช่วยให้พวกเขาสามารถทำงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ทุกองค์กรมีงานที่ต้องดำเนินการมากกว่าทรัพยากรที่มีอยู่ ดังนั้น จึงมีบางงานที่ถูกทิ้งไว้หรือไม่สามารถทำให้สำเร็จลุล่วงได้ Agentforce ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับทีมงาน ด้วยความสามารถในการเพิ่มกำลังคนได้ตามความต้องการ เพื่อให้พนักงานสามารถโฟกัสไปที่งานที่ต้องใช้ทักษะสูง มีความสำคัญมากกว่า และเป็นงานเชิงกลยุทธ์มากยิ่งขึ้น
เสียงจากลูกค้า
Kevin Quigley, Senior Manager, Continuous Improvement, Wiley กล่าวว่า “การใช้งาน Agentforce ช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่มีงานหนักอย่างช่วงเปิดภาคการศึกษาได้อย่างราบรื่น เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่เราได้ลองใช้ agent ตัวแรกผ่านเครื่องมือสร้างที่ไม่ต้องเขียนโค้ด และเราพบว่าอัตราการแก้ปัญหาได้สำเร็จเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ซึ่งดีกว่าระบบบอทเดิมของเรา Agentforce ช่วยจัดการงานประจำ ทำให้ทีมบริการของเราสามารถรับมือกับปัญหาที่ซับซ้อนได้มากขึ้น”
George Pokorny, SVP Customer Success, OpenTable กล่าวว่า “ทุกการปฏิสัมพันธ์ระหว่างร้านอาหารและผู้รับประทานอาหารกับทีมบริการลูกค้าของเรา จำเป็นต้องมีความถูกต้อง รวดเร็ว และสะท้อนถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ร้านอาหารมอบให้ Agentforce มีศักยภาพในการช่วยให้เราสามารถดูแลเอาใจใส่และให้บริการในระดับพรีเมียม ทั้งยังช่วยให้ทีมบริการลูกค้าสามารถจัดการกับความต้องการที่หลากหลายและมีรายละเอียดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
Mike Hite, Chief Technology Officer, Saks Global กล่าวว่า “ในการพัฒนากลยุทธ์การให้บริการแบบเฉพาะบุคคล เราเชื่อว่า Agentforce และความสามารถที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยปรับปรุงวิธีการติดต่อและให้บริการลูกค้าของเราให้ดียิ่งขึ้น ช่วยยกระดับมาตรฐานในธุรกิจค้าปลีกสินค้าลักซ์ชัวรี Agentforce จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกช่องทางการให้บริการลูกค้า ช่วยเสริมศักยภาพของพนักงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่โดดเด่นและตรงใจลูกค้ามากขึ้นซึ่งเป็นจุดเด่นของ Saks”
วิธีการทำงานของ Agentforce
เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีก้าวหน้านี้Agentforce ประกอบด้วย (1) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดบนแพลตฟอร์ม Salesforce (2) Autonomous agent ที่มีความสามารถสูงหลายตัวพร้อมใช้งาน (3) ชุดเครื่องมือพัฒนาแบบลดการเขียนโค้ด (low-code) ช่วยให้สร้าง ปรับแต่ง และนำ agent ไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย โดยไม่ซับซ้อนหรือมีค่าใช้จ่ายสูงเหมือนการฝึกโมเดล AI หรือโครงการ AI ดีไอวาย และ (4) สามารถใช้ agent หรือฟังก์ชันการทำงานจากบริษัทพันธมิตรผ่านเครือข่าย Agentforce Partner Network ร่วมกับเครื่องมือพัฒนาแบบลดการเขียนโค้ดของ Agentforce ได้อีกด้วย
1. นวัตกรรมบนแพลตฟอร์ม Salesforce
- ข้อมูล: แพลตฟอร์ม Salesforce มีศูนย์กลางอยู่ที่ Data Cloud ซึ่งช่วยให้ Agentforce และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ของ Salesforce สามารถให้บริการที่ราบรื่นและใช้ AI ได้ทุกช่องทาง Data Cloud จะรวบรวมและประสานข้อมูลลูกค้าและข้อมูลอื่น ๆ จากระบบต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ ทำให้ Agentforce ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ นอกจากนี้ Data Cloud ยังเพิ่มมูลค่าให้กับการลงทุนด้านข้อมูลขององค์กรต่าง ๆ ด้วยความสามารถ Zero Copy ที่ช่วยให้ลูกค้า Salesforce เชื่อมต่อข้อมูลจากระบบภายนอกได้โดยไม่ต้องคัดลอกข้อมูล ทำให้ Agentforce สามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลองค์กรได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- AI: Atlas Reasoning Engine ซึ่งได้ออกแบบพัฒนาขึ้นมาใหม่คือระบบที่ทำหน้าที่เป็นสมองขับเคลื่อน Agentforce ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Agentforce สามารถคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และทำงานต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง ออกแบบมาเพื่อจำลองวิธีคิดและการวางแผนของมนุษย์ ซึ่งเริ่มต้นจากการประเมินคำค้นหา (Queries) ของผู้ใช้งาน และตรวจเช็คปรับแต่งคำค้นหาจนเกิดความชัดเจน และเข้าถึงบริบทที่มีความเกี่ยวข้อง จากนั้นจะดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้น ๆ มากที่สุดเพื่อสร้างแผนดำเนินการ จากนั้นกระบวนการจะตรวจเช็คปรับแต่งแผนงานที่วางไว้นั้นเพิ่มเติมอีก เพื่อให้มั่นใจว่ามีความถูกต้อง เกี่ยวข้องกับบริบทของเนื้อหาที่กำลังทำงานอยู่ และอิงตามข้อมูลที่เชื่อถือได้ กระบวนการให้เหตุผลนี้จะช่วยให้ Agentforce สามารถใช้เหตุผล ตัดสินใจ และดำเนินงานในทางธุรกิจได้ด้วยตนเองโดยอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันก็ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและถูกต้อง
- Automation: Agentforce ทำงานร่วมกับระบบอัตโนมัติของ Salesforce ได้อย่างราบรื่น รวมถึงการเชื่อมต่อกับ MuleSoft อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วย Salesforce Flow, MuleSoft และ Apex ลูกค้าสามารถขยายความสามารถของ Agentforce ได้ง่าย ๆ โดยใช้ขั้นตอนและฟังก์ชันที่มีอยู่แล้ว ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้ดีที่สุด นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้ส่วนประกอบเหล่านี้ในการสร้างระบบอัตโนมัติใหม่สำหรับ Agentforce ไม่ว่าจะเป็นการทำกระบวนการซับซ้อนให้เป็นอัตโนมัติ หรือเรียกใช้การทำงานเฉพาะในองค์กร Agentforce สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ด้วยเหตุนี้ องค์กรจึงสามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนด้านระบบอัตโนมัติที่มีอยู่ และขยายความสามารถใหม่ ๆ ทำให้ Agentforce ทำงานได้อย่างอัตโนมัติภายในกรอบการทำงานที่เชื่อถือได้ ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องสร้างระบบอัตโนมัติหรือการเชื่อมต่อใหม่ทั้งหมด
2. Agent ที่พร้อมใช้งาน
Agent ของ Agentforce พร้อมใช้งานได้ทันที โดยสามารถปรับแต่งและนำไปใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คลิก ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดแต่อย่างใด ตัวแทนเหล่านี้สามารถตั้งค่าได้ภายในไม่กี่นาที ขยายขนาดเพื่อรองรับปริมาณงานได้อย่างราบรื่น และให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทุกช่องทางการสื่อสาร
- Service Agent: AI ทดแทนแชทบอทแบบเดิม ซึ่งสามารถรับมือกับปัญหาด้านการบริการได้หลากหลายประเภท โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า
- Sales Development Representative (SDR): ติดต่อกับลูกค้าผู้สนใจซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตอบคำถาม จัดการกับข้อโต้แย้งหรือข้อกังวล และนัดหมายการประชุมโดยใช้ข้อมูลจากระบบ CRM และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ช่วยให้ทีมขายมีเวลามากขึ้นในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
- Sales Coach: ให้คำปรึกษาและฝึกซ้อมการขายแบบรายบุคคลสำหรับทีมขาย โดยใช้ข้อมูลจากระบบ Salesforce และ AI ช่วยสร้างสถานการณ์จำลอง เพื่อฝึกการนำเสนอขายและจัดการกับข้อโต้แย้งหรือข้อกังวลของลูกค้าให้เหมาะสมกับแต่ละรายการขาย
- Merchant: ช่วยเหลือผู้จัดการสินค้าอีคอมเมิร์ซในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ตั้งค่าและจัดการเว็บไซต์ขายสินค้า วางแผนและกำหนดเป้าหมายการขาย จัดทำโปรโมชันส่วนบุคคลให้ลูกค้า เขียนคำอธิบายสินค้าให้น่าสนใจ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก ช่วยลดภาระและทำให้งานประจำวันคล่องตัวมากขึ้น
- Buyer: ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการซื้อขายระหว่างธุรกิจ (B2B) โดยผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้าได้อย่างสะดวก สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางแชทหรือเว็บไซต์ ติดตามสถานะการสั่งซื้อได้ง่าย
- Personal Shopper: ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวออนไลน์ให้คำแนะนำสินค้าตามความต้องการเฉพาะบุคคล และช่วยค้นหาสินค้าที่ต้องการบนเว็บไซต์ขายสินค้าหรือแอปพลิเคชันแชท ทำให้การเลือกซื้อสินค้าสะดวกและตรงใจมากขึ้น
- Campaign Optimizer: ใช้ AI ในการบริหารจัดการแคมเปญการตลาดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่วิเคราะห์ข้อมูล สร้างแคมเปญ ปรับรายละเอียดให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ
- Agentforce (เดิมชื่อ Einstein Copilot): Einstein Copilot ได้รับการพัฒนาต่อยอดให้เป็นกลายเป็น Agent อัจฉริยะที่สามารถค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ วางแผนและกำหนดขั้นตอนการทำงาน ลงมือปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวแบบพกพาสำหรับพนักงาน ช่วยสนับสนุนการทำงานด้วยการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูล วางแผนและกำหนดขั้นตอนการทำงาน และดำเนินการตามแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
3. สร้างและปรับแต่ง Agents ได้อย่างรวดเร็ว
- Agent Builder: เป็นเครื่องมือสร้างแบบ low-code ที่ช่วยให้สามารถปรับแต่ง agent เดิมหรือสร้าง agent ใหม่ได้ง่าย ๆ สำหรับบทบาท อุตสาหกรรม หรือวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม โดยใช้เครื่องมือที่มีอยู่แล้ว เช่น Flows, Prompts, Apex และ MuleSoft APIs ด้วย Agent Builder องค์กรสามารถกำหนดงานให้ Agent ทำได้ง่าย ๆ เพียงระบุหัวข้อ เขียนคำแนะนำด้วยภาษาธรรมชาติ และสร้างรายการปฏิบัติการให้ Agent เลือก นอกจากนี้ ยังสามารถดูแผนการทำงานและทดสอบการตอบสนองของ Agent ได้อย่างง่ายดาย
- Model Builder: เป็นเครื่องมือสร้างแบบ low-code และแพลตฟอร์มควบคุมสำหรับจัดการโมเดล AI และ LLM ขนาดใหญ่ทั้งหมดใน Salesforce ลูกค้าสามารถนำคีย์ API ของ LLM ที่ต้องการมาใช้งานกับ Model Builder ได้ โดยสามารถทดสอบโมเดลและเปิดใช้งานเพื่อใช้ร่วมกับ Prompt Builder
- Prompt Builder: ทุกประสบการณ์ต้องมีคำสั่ง (prompt) เป็นจุดเริ่มต้น Prompt Builder ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง prompt ตามความต้องการได้ง่าย ๆ เพียงนำข้อมูลจาก CRM หรือ Data Cloud มาใช้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้ Prompt Builder ผสานประสบการณ์ Generative AI เข้ากับการทำงานอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานผ่านขั้นตอนการทำงานอัตโนมัติ หน้าจดบันทึกใน Lightning หรือแม้แต่การดำเนินการของ Agent
4. เครือข่ายพาร์ทเนอร์ของ Agentforce
เครือข่ายพาร์ทเนอร์ Agentforce ประกอบด้วยพาร์ทเนอร์ชั้นนำหลายราย อาทิ Amazon Web Services, Box, Certinia, Copado, Coupa, Google, Honeywell, IBM, Workday, Zoom และอีกมากมาย พาร์ทเนอร์เหล่านี้ได้พัฒนาตัวแทนอัจฉริยะ (Agent) และฟังก์ชันการทำงานของตัวแทน (Agent actions) มากกว่า 20 รายการ ซึ่งจะมีให้บริการผ่าน Salesforce AppExchange ลูกค้าสามารถนำฟังก์ชันเฉพาะด้านเหล่านี้มาใช้งานใน Agent Builder เพื่อปรับแต่ง agent ที่มีให้ตามมาตรฐาน สร้าง Agent ใหม่ด้วยความสามารถเฉพาะตัว และนำ agent ที่พัฒนาโดยพาร์ทเนอร์มาใช้งาน เพื่อวางแผนและดำเนินการแทนองค์กรต่าง ๆ ข้ามระบบและช่องทางต่าง ๆ แม้นอกเหนือจาก Salesforce
ตัวอย่างเช่น บริษัท IBM วางแผนที่จะให้บริการ Agent ด้านการพัฒนาการขายเพื่อหาลูกค้ารายใหม่ ซึ่งรวมถึงการหาผู้สนใจจะซื้อสินค้า (Leads) จากภายนอก จากการประสานข้อมูลเชิงลึกระหว่างแอปพลิเคชันต่าง ๆ และแหล่งข้อมูลที่กำหนดปรับแต่งได้ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ Agent ของ Workday จะให้บริการพนักงานที่ทันสมัยและใช้งานง่าย ลูกค้ายังสามารถใช้ Agent จากพาร์ทเนอร์ เช่น Google Workspace เพื่อสร้างไฟล์ Google หรือสไลด์นำเสนอ หรือใช้ Box เพื่อค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับบัญชี ลูกค้าใหม่ หรือโอกาสทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด
การรวมระบบเหล่านี้เป็นก้าวต่อไปของเครือข่ายพาร์ทเนอร์ Salesforce Zero Copy ซึ่งทำให้พาร์ทเนอร์สามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับ Data Cloud ได้อย่างราบรื่น พาร์ทเนอร์ที่ติดตั้งระบบ Salesforce ก็มีบทบาทสำคัญในการเร่งการนำระบบไปใช้งานที่ซับซ้อน และช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างรวดเร็ว
บทวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ
Ritu Jyoti, GVP/GM AI and Data Market Research and Advisory, IDC กล่าวว่า “เมื่อ AI ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ผมเห็นว่าวิธีการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีบทบาทสำคัญของ agent ในการขับเคลื่อนประสิทธิภาพและขนาดการดำเนินงาน Agentforce ของ Salesforce ถือเป็นชุดเครื่องมือที่น่าสนใจ มอบแพลตฟอร์ม Agent อัจฉริยะครบวงจรให้กับองค์กรธุรกิจ ช่วยทำให้งานต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม สิ่งสำคัญที่องค์กรต้องตระหนักไม่ว่าจะอยู่ระหว่างการนำ AI มาใช้งานหรือไม่ก็ตาม คือการเข้าใจศักยภาพของ agent รุ่นใหม่เหล่านี้ ซึ่งมีความสามารถมากกว่าแชทบอทหรือ Copilot ทั่วไป Agent ล่าสุดใน Agentforce ของ Salesforce ไม่เพียงสนทนาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถปฏิบัติงานได้ด้วย การนำมาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันขององค์กร”
องค์กรจะเริ่มต้นใช้ Agentforce ได้อย่างไร
Agentforce สำหรับการทำงานในด้านการบริการและการขาย จะเปิดให้ใช้งานโดยทั่วไปในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่จะถึงนี้ โดยส่วนประกอบบางส่วนของบริการ Atlas Reasoning Engine จะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ส่วนราคาของ Agentforce นั้นเริ่มต้นที่ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 65 บาท) ต่อบทสนทนาในการทำงาน ซึ่งมีส่วนลดตามปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น
*บริการหรือฟีเจอร์ใด ๆ ที่กล่าวถึงและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้นยังคงไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ โดยการเปิดตัวอาจล่าช้ากว่ากำหนดที่ระบุไว้ หรืออาจไม่มีการเปิดตัว ดังนั้นลูกค้าจึงควรตัดสินใจซื้อบริการโดยพิจารณาจากฟีเจอร์ที่ได้เปิดให้ใช้งานในปัจจุบันแล้วเท่านั้น
เกี่ยวกับเซลส์ฟอร์ซ
Salesforce ช่วยให้องค์กรทุกขนาด สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้เข้ากับโลกของ AI ได้ ด้วย Agentforce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ของ Salesforce องค์กรต่างๆ สามารถรวมความสามารถของมนุษย์และเจ้าหน้าที่ตัวแทนอัจฉริยะ (Agent) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดความสำเร็จสำหรับลูกค้า ด้วยการพัฒนาขับเคลื่อนของ AI ผสานกับข้อมูล และการทำงานที่มีประสิทธิภาพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ www.salesforce.com