President TrueID

เปิดบ้าน TrueID…คุยกับ “วินท์รดิศ” President TrueID ในวันที่ OTT สัญชาติไทยต้องพร้อมแข่งดุในสมรภูมิแพลตฟอร์มคอนเทนต์

“ธุรกิจคอนเทนต์ ต้องยอมรับว่ามีการแข่งขันสูงมาก การจะเป็นผู้นำวันนี้ก็ไม่ง่าย ต้องการสร้างแพลตฟอร์มของคนไทย เพื่อส่งออกคอนเทนต์ไทย วัฒนธรรมไทย เราให้ความสำคัญมากคือ การพัฒนาเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของ Users เรา เพราะนี่คือหัวใจของธุรกิจ” วินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี President TrueID ย้ำถึงธุรกิจคอนเทนต์ในปัจจุบัน

ที่มาที่ไปก่อนจะมาทํางานที่ TrueID?

วินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี ย้อนไปตั้งแต่จุดเริ่ม คือการมาทําธุรกิจออนไลน์ มาจาก 3 ส่วน ส่วนแรกคือความชอบ ส่วนที่ 2 คือความชํานาญ และสุดท้ายนั้นคือความฝัน ผมเองจบด้าน Information Technology หรือ IT

สิบกว่าปีแรกของการทํางาน ทํางานสายเทคมาตลอด ก็สั่งสมประสบการณ์เรื่องเทคโนโลยี เมื่อประมาณปี 2010-2011 ตอนนั้น Netflix เพิ่งจะเริ่ม 3 ปีเอง เราก็เลยเกิดความฝันว่า เราอยากจะสร้าง benchmark คล้ายๆ กับเซอร์วิส ผมก็เลยออกมาจากไมโครซอฟท์ แล้วก็มาสร้างบริษัทเองทางด้าน VDO streaming ซึ่ง ณ เวลานั้น เป็นอะไรที่ใหม่มาก ต้องยอมรับว่าโลกยังดูทีวีเป็นหลัก จนถึงจุดหนึ่งที่ผมได้โอกาสไปร่วมงานกับ Discovery ซึ่งก็เป็นแบรนด์มีเดียแบรนด์ใหญ่เจ้าหนึ่งของอเมริกา ไปเป็นสตาร์ทอัพสร้างธุรกิจ OTT ซึ่งกลายเป็น MAX ที่เรารู้จักกันวันนี้

พอมาถึงจุดที่เราโชคดีมากก็คือ ได้โอกาสเจอผู้บริหาร และ Founder ของ TrueID ต้องการสร้างแพลตฟอร์มของคนไทย เพื่อผู้บริโภคไทย เพื่อจะนําส่งออกสิ่งที่สําคัญอันดับต้น ๆ ก็คือ คอนเทนต์ไทย วัฒนธรรมไทย ที่สามารถจะ impact คนทั้งประเทศ และกลับมาอยู่กับครอบครัวที่เมืองไทย นั่นคือเหตุว่า ทําไมถึงได้มาดู TrueID ประมาณสักปีครึ่งที่ผ่านมา

TrueID มีบริการอะไรบ้าง?

TrueID เป็นแพลตฟอร์มคนไทย เวลาเรามอง TrueID เราไม่สามารถจะบอกได้ว่า TrueID เป็นแพลตฟอร์มที่ทําเรื่องแค่ VDO streaming แต่เราอยากขยายความบริการอื่นๆ ซึ่งเป็นบริการที่ถูกสร้างมาตั้งแต่เริ่ม ถ้าถามคนที่ใช้บริการทรู หลายๆ คนจะบอกว่าผมมาเข้า TrueID เพราะต้องการ Privilege หลายอย่างที่ทรูให้ ผ่านทรูเรดการ์ดผ่านทรูแบล็กการ์ด คนหลายคนต้องบอกว่าจํานวน 1 ใน 3 ของผู้ใช้เรา เข้ามาเพื่อหา Privilege ต่าง ๆ ภายในทรู นั่นเป็นหนึ่งในการใช้งานมากที่สุดของการใช้ TrueID

ส่วนที่ 2 ด้วยความที่เรามีคอนเทนต์เยอะ เราก็สามารถสร้าง community ของคนที่ชอบคอนเทนต์เหมือนๆ กัน 2 ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดใน community ของคนดูกีฬา ดูฟุตบอล ทุกๆ match เราจะมีการที่ทําเรื่อง live commenting ก็คือ สามารถส่งข้อความคุยกันระหว่างมีการแข่ง อีกกรณีหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจก็คือ เรามี community ที่ใหญ่มากของธรรมะ ด้วยการที่ทรูทําสามเณรปลูกปัญญามานาน กลายเป็น community ที่คนเหนียวแน่นมาก

ข้อที่ 3 คือวิดีโอ เรามีคอนเทนต์มากมายที่เรามี ทั้งจัดสร้างเอง เรามีการซื้อลิขสิทธิ์เพิ่มจากคู่ค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เราเองก็เอาคอนเทนต์ของบริษัททรูวิชั่นส์เข้ามาบรอดแคสต์อยู่บนแพลตฟอร์ม TrueID ลักษณะหรือพฤติกรรมของคนอยู่ใน TrueID จะขึ้นอยู่กับบริบทของคนๆ นั้น ณ เวลานั้นด้วย เพราะว่าเรามีลูกค้าที่ใช้ทั้ง 3 ส่วนนี้มากเหมือนกัน

ในธุรกิจคอนเทนต์ต้องยอมรับว่ามีการแข่งขันสูงมาก สิ่งที่สะท้อนคือ Content Cost การลงทุนคอนเทนต์มันก็สูงขึ้นตาม อันนี้ก็จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ถือว่ามีความยากมากในธุรกิจนี้ คือถ้าต้องการจะเป็นผู้นํา ไม่ต้องเอาระดับโลกนะ เอาแค่ในประเทศเรา วันนี้ก็ไม่ง่าย เพราะว่าทุกคนก็เล็งเห็นเลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มียุทธศาสตร์ที่สําคัญในการที่จะเป็นคอนเทนต์ซัพพลายเออร์ใหม่ของโลกต่อจากสิ่งที่เกาหลีเป็น

ณ วันนี้ ต้องยอมรับว่า OTT นี้ ถ้ามองในอุตสาหกรรมโดยตรงของธุรกิจคอนเทนต์ YouTube คือโฆษณา เอาคอนเทนต์มา ใครก็สามารถโพสต์คอนเทนต์ได้ แล้วส่วนใหญ่เป็นเกี่ยวกับการหารายได้ผ่านโฆษณา Netflix เป็นช่องหนึ่งที่เอาคอนเทนต์ตัวเองใส่ แล้วต้องมีการเสียเงินสมัครสมาชิกคนจึงสามารถดูได้ใช่ไหม เขาจะไม่ค่อยมีการรวม ๆ กันสักเท่าไร ต้องยอมรับว่าในเอเชียเราค่อนข้าง evolve กว่าเยอะ

ประเทศที่ชัดที่สุดเริ่มจากจีน การที่จีนมีแอปพลิเคชันที่มีเจ้าของเป็นบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ 3-4 เจ้า ทําให้มีความเป็นลักษณะซุปเปอร์แอป WeChat มีทุก ๆ บริการที่อยู่ใน WeChat มีตั้งแต่ streaming, e-commerce, delivery มีทุก ๆ อย่างที่เราจะสรรหาได้ ซึ่ง TrueID จะมีความคล้ายคลึงกับโมเดลอย่าง WeChat มากกว่า ดังนั้นการมีหนึ่งบริการที่สามารถทําได้หลาย ๆ อย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป็นจุดยืนที่เราอยากทํา และเป็นสิ่งที่เราทํามาตลอด แต่แน่นอนเราก็ยังมีสิ่งที่อยากทําเพิ่มอีกมหาศาล

TrueID สร้างรายได้จากอะไรบ้าง?

ธุรกิจ OTT ทั้งหมด 80-90% ส่วนใหญ่คือการโฆษณา ถามว่าที่เราทําก็ไม่ต่างกันเท่าไร แต่วัตถุประสงค์เราค่อนข้างชัดเจน เพราะว่าอันหนึ่งที่แตกต่างชัดเจนคือ ถ้า OTT ฝรั่งส่วนใหญ่เขามีวัตถุประสงค์ชัดเจน ก็คือว่าถ้าไม่เป็นโฆษณาก็จะเป็นการสมัครสมาชิก เขาใช้โมเดลคือการที่เขาสามารถเอาคอนเทนต์ของเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของคอนเทนต์เอง หนึ่งเซอร์วิสหนึ่งคอนเทนต์สามารถส่งไป 10 ประเทศ 100 ประเทศ แต่ในขณะเดียวกันเราต้องการให้ประชากรไทยทั้ง 70 ล้านคน สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ที่มีคุณภาพได้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงิน นั่นคือวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายแรกของ TrueID เพราะฉะนั้นการที่มี Free Tier คือ การที่มีโฆษณา วัตถุประสงค์คือเราต้องการให้คนเข้าถึงเยอะที่สุด แล้วก็สะท้อนถึงทําไมเราถึงเป็นแพลตพอร์ม ที่มีคนดูเยอะ เพราะไม่มีการคิดตังค์ คิดตังค์ไปคิดที่ฝั่งโฆษณา ที่แบรนด์ ที่ agency แทน แต่เราก็มีทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ไม่อยากดูโฆษณาทําอย่างไร ก็สามารถ subscribe ได้

หลายๆ คนน่าจะอยากรู้และอยากฟังจาก TrueID เรื่องของข้อพิพาทกับ Regulator ที่เป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้?

ผมเองก็เป็นคนดูภาคธุรกิจ ผมเชื่อว่าไม่ต้องเอาสตาร์ทอัพหรอก ไม่ว่าธุรกิจไหนก็ไม่อยากจะมีเรื่องหรือมีข้อพิพาทกับผู้คุมกฎ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอยู่แล้ว ผมว่าไม่มีใครอยากมีอยู่แล้ว เพราะว่ามันไม่ได้ช่วยเอื้อในอะไรเลย แต่ความเป็นจริงคือ พอมีเรื่องจริง ๆ เราเริ่มได้เอกสาร จริง ๆ ต้องบอกว่าเราได้เอกสารจากคู่ค้าเรานะพอคู่ค้าส่งมาเราก็ตกใจ เราก็เลยทําหนังสือเหมือนกัน ทําหนังสือไปที่ กสทช ถึง 2 รอบด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้รับ feedback อะไร แต่พอเริ่มมีผลกระบทกับธุรกิจ เราเองในฐานะผู้ให้บริการที่มีลูกค้า 30 กว่าล้านคน ทุกเดือน รวมถึงคู่ค้าของเรา เราต้องการให้ความมั่นใจว่าเราไม่ได้ทําผิดในเชิงกฎหมาย

แน่นอนความเชื่อถือความเชื่อใจเป็นสิ่งสําคัญในการสร้างทําธุรกิจ เราก็เลยจําเป็นที่จะต้องเอาเข้าสู่การฟ้องร้อง แต่จริง ๆ อย่างที่ผมเรียน มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เราอยากจะทํา แต่เรามองว่าเรามีพันธกรณีในการเป็นแพลตฟอร์มต่อผู้บริโภค และต่อคู่ค้าเรา ทําให้เราต้องดำเนินการตรงนั้นไป ส่วนว่าเราเจาะจงอะไรยังไงไหม ผมว่าอย่างงี้ดีกว่า ตอนนี้ขั้นตอนที่อยู่ในศาล แล้วก็สิ่งที่มีการพิจารณาผลคดีไปแล้ว แต่ข้อเท็จจริงคือว่า ตอนที่เราได้รับเอกสารตัวนี้ มีวิธีเดียวที่จะทําได้ คือเราก็ฟ้องคนที่ลงนาม ซึ่งวันนั้น คือเป็นรักษาการรองเลขาฯ ของ กสทช แต่พอมันเข้าสู่กระบวนการในการสืบพยานในส่วนของศาล ปรากฏว่าคนที่ลงนามไม่ได้เป็นคนสั่งการ เราก็เลยต้องเปลี่ยนจากการที่ฟ้องคนนั้นไปเป็นคนที่สั่งการ ก็จะเห็นเลยว่าข้อเท็จริงไม่ใช่สิ่งที่เรามุ่งไปที่บุคคล แต่คือการทําตามขั้นตอน

แล้วก็อย่างที่เรียน วัตถุประสงค์ของเราคือการที่อยากจะสร้างสรรค์ร่วมมากกว่า สิ่งที่ทําวันนี้คือต้องการเน้นว่าเราไม่ผิด เราอยากจะให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม แต่จุดประสงค์เราหลักคือว่า ข้างหน้าเราจะไปกันได้อย่างไร ผมว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่หลายคนยังสงสัย ก็คือ ธุรกิจ OTT ยังไม่มีกฏหมายครอบคลุม แต่สิ่งที่ค่อนข้างยิ่งสะท้อนความเป็นจริงมากก็คือว่า พอไม่มีการควบคุม การที่เราเป็นบริษัทไทย เราเองก็อยากจะอยู่ภายใต้ความคุ้มครอง แต่ก็ควรจะมีความคุ้มครองที่มี benefit ชัดเจน วันนี้ ความคลุมเครือของการคุ้มครอง ทําให้การคุ้มครองไม่มีความเท่าเทียม เพราะว่าบริษัทฝรั่ง แพลตฟอร์มฝรั่งไม่ได้อยู่ในการคุ้มครอง แพลตฟอร์มไทยมองว่า วันนี้การคุ้มครองก็ไม่ได้เอื้อต่อธุรกิจเลย ดังนั้นต้องกลับมาที่ว่าประเทศและเจ้าของนโยบาย ผู้คุมกฎทั้งหลาย มองธุรกิจนี้สําคัญขนาดไหน จะ impact อย่างไร เราเองในฐานะที่เป็น startup platform ใหญ่อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย เรายินดีและพร้อมที่จะเข้าไปร่วมเสวนาให้ความรู้ ให้จุดที่บาลานซ์ในการได้รับความสนับสนุน

ในขณะเดียวกันการคุ้มครองถึงเรื่อง privacy เรื่องของการที่ผู้บริโภคควรจะพึงได้ในการที่มีการคุมกฎตรงนี้ เราพร้อมและยินดีเสมอในเรื่องนี้ เพราะว่า แพลตฟอร์มไทยวันนี้มีน้อยมาก ไม่ใช่แค่ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ทุก ๆ อุตสาหกรรม เราต้องการเป็นปลายน้ำหรือคนกลาง หรือต้นน้ำของธุรกิจ เรารู้อยู่แล้วว่าธุรกิจวันนี้คนกลางโดนบีบ มันจะไม่มีแล้ว งั้นภาครัฐและภาคเอกชนต้องการเป็นปลายน้ำคอยแต่ได้รับในส่วนของการเป็นผู้บริโภคที่ดี หรือต้องการเป็นต้นน้ำของธุรกิจและสร้างสรรค์อุตสาหกรรม ซึ่งสามารถ impact อีกหลายอุตสาหกรรม ทั้งหมดเลย ทุกอย่างสามารถสื่อสารด้วยคอนเทนต์ นั่นคือทําไมทุกบริษัทเทคถึงทําคอนเทนต์ เพราะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโลกที่ใหญ่กว่าธุรกิจคอนเทนต์มาก

TrueID มีแผนพัฒนาคอนเทนต์ และแพลตฟอร์มอย่างไรบ้าง?

หนึ่งในสิ่งที่เราให้ความสําคัญมาก คือการพัฒนาเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของบริโภค วันนี้ผู้บริโภคทุกคนมีความ unique ของเขา ทำให้แพลตฟอร์มอย่างเราจําเป็นต้องเข้าถึงและรู้ insight ของคน ด้วยจุดหมายคือเพิ่มความพึงพอใจของเขาในการใช้บริการของเรา ไม่ว่าจะเป็นการดูคอนเทนต์ที่เขาชอบ การใช้บริการด้านอื่น การอยู่กับ community ของเขา

ส่วนที่ 2 ที่เราต้องบอกว่าเป็นความสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการสร้าง ecosystem หรือสร้างแพลตฟอร์มของไทยไปสู้ในธุรกิจ commerce ที่เรียกว่า social commerce แต่เป็นรูปแบบที่ unique กับประเทศ โดยใช้แพลตฟอร์ม TrueID เพราะแน่นอนวันนี้ สิ่งที่ disrupt แม้กระทั่ง global player คือ TikTok จากเมื่อก่อน short form เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่มี วันนี้ทุกคนมี short form มันเกิดจาก TikTok ถ้าเราจะไปก็อปปี้ TikTok เราก็คงสู้เขาไม่ได้ งั้นสิ่งหนึ่งที่เราพยายามทําคือ หาจุดลงตัวของ ecosystem ของ TrueID ร่วมกับพันธมิตรของเรา สร้างแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์คนไทยได้ดีกว่าสิ่งที่แพลตฟอร์มต่างชาติทําวันนี้ เพราะฉะนั้นเกมนี้ ไม่ใช่เกมที่มองในระยะสั้น มันคือการสร้างนวัตกรรมใหม่บนสิ่งที่เริ่มเห็นแล้วว่านี่คือโลกที่กําลังเปลี่ยนไป เพราะว่าโลกคอนเทนต์กับโลกขายของ มันเริ่มใกล้กันมาก แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่มีใครเคยเห็นเลย วันนี้สิ่งที่เราทําเราเริ่มมองไปถึงว่า ในยุคต่อไปโดยที่มี AI มาเป็นตัวกลาง ตัวแปรหลักสําคัญของธุรกิจ เราจะเป็นผู้นําได้อย่างไร แน่นอนรากฐานการพัฒนาเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจเป็นอย่างไร เรามุ่งทําทุกวันคือ product development มันไม่มีวันหยุด เพราะนี่คือหัวใจของธุรกิจ