Cooler Master StreamEnjin อุปกรณ์เสริมความสะดวกสำหรับสตรีมเมอร์

Cooler Master StreamEnjin เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการสตรีมมิ่งวิดีโอโดยเฉพาะ โดยตัวมันจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำสัญญาณภาพจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามารวมกัน แล้วเราก็สามารถจัดซีนภาพ รวมถึงเอฟเฟคต์ โดยใช้แท็บเล็ตซึ่งจะเป็น iOS หรือ Android ก็ได้ในการตั้งค่าต่าง ๆ แล้วทำการสตรีมมิ่งไปออกช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube หรือ Twitch รวมถึงช่องทางอื่น ๆ ได้สองช่องทางพร้อมกัน

ในขณะเดียวกัน เราก็ยังสามารถทำการบันทึกลงใน USB Drive ได้โดยตรง เพื่อนำมาใช้ตัดต่อในภายหลังได้ (หากสตรีมพร้อมบันทึกวิดีโอ จะสตรีมได้เพียงหนึ่งช่องทางไปพร้อมกับการบันทึกวิดีโอ) ข้อดีของ StreamEnjin ก็คือทั้งการสตรีมมิ่งและการบันทึกวิดีโอนั้นจะไม่ใช้ทรัพยากรจากพีซี จากโน้ตบุ๊ก หรือจากเกมคอนโซลของเราเลย ทำให้เครื่องที่เราใช้งานอยู่นั้นไม่ต้องสูญเสียประสิทธิภาพในระหว่างเล่นเกมหรือระหว่างการใช้งานแอปพลิเคชัน

ดีไซน์

หลายคนบอกว่ารูปร่างหน้าตาของ StreamEnjin มีลักษณะเหมือนอุปกรณ์ที่อยู่สตูดิโอทีวีระดับมืออาชีพเลยก็ว่าได้ ก็ไม่ต้องแปลกใจครับเพราะ StreamEnjin มีฝาแฝดอีกสองสามแบรนด์ที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่วางขายในกลุ่มอุปกรณ์ของงานวิดีโอระดับมืออาชีพด้วยเช่นกัน ดังนั้นหน้าและดีไซน์ของตัวเครื่องก็เลยออกมาจริงจังอย่างที่เห็น และบอกได้เลยว่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในเกรดเดียวกันกับอุปกรณ์ระดับสตูดิโอเลย ไม่ได้ถูกลดทอนใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นราคาของ StreamEnjin จึงไม่ได้ต่างอะไรกับอุปกรณ์ระดับสตูดิโอที่มีราคาในหลักสามหมื่นกว่าบาท (ตอนเปิดตัว) แต่โชคดีที่ตอนนี้มีการปรับลดราคาลงมาเป็นระยะ ๆ จนล่าสุดในบ้านเราเองทาง CoolerMaster ก็ได้จัดโปรโมชันพิเศษจนราคาต่ำกว่าหมื่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ใครสนใจมีลิงก์โปรโมชันท้ายบทความ)

ก็อย่างที่ได้บอกไปว่า StreamEnjin คือแฝดของอุปกรณสตรีมมิ่งในสตูดิโอทีวีมืออาชีพ ดังนั้นการทำงานของมันจึงถูกออกแบบมาให้รองรับงานที่หนักในแบบ 24/7 ดังจะเห็นได้จากที่ตัวเครื่องไม่มีปุ่มปิดเปิด ต่อสายพาวเวอร์แล้วก็ปล่อยให้ทำงานไปตลอดเวลาได้เลย เพราะตัวควบคุมการสตรีมมิ่งจะถูกจัดการโดยแอปพลิเคชันที่อยู่ในแท็บเล็ตครับ

การติดตั้งและการใช้งานครั้งแรก

เมื่อคุณซื้อ StreamEnjin มาแล้ว สิ่งที่คุณต้องมีเพิ่มเติมก็คือ 1. จอภาพที่รองรับ HDMI เพื่อใช้พรีวิวดูภาพที่ถูกส่งออกไปยังช่องทางสตรีมมิ่ง หรือถูกบันทึกลงใน USB Drive และ 2. คือแท็บเล็ตที่ใช้ iOS หรือ Android ตั้งแต่เวอร์ชัน 10 เป็นต้นไป เพื่อติดตั้งแอปพลิคเชัน StreamEnjin อย่าคิดว่าสมาร์ทโฟนแทนได้ ถึงจะรันแอปฯ ได้ แต่เวลาตั้งค่าหรือเซ็ตซีนต่าง ๆ รวมถึงการพิมพ์ข้อความนั้นคุณแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยแถมเมนูบางส่วนก็จะหายไปอีกเพราะตัวฟอนต์บางส่วนถูกขยายขึ้นมา

ก่อนเริ่มติดตั้งอะไรใด ๆ แนะนำให้คุณดาวน์โหลดแอปฯ StreamEnjin มาติดตั้งไว้ในแท็บเล็ตของคุณก่อนเพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานแล้วจากนั้นก็ทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. ต่อสาย HDMI ที่เครื่อง StreamEnjin เข้ากับจอภาพที่รองรับ HDMI
  2. ต่อสาย LAN เข้ากับ StreamEnjin 
  3. ต่อสาย USB จากช่อง USB Link ที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง StreamEnjin เข้ากับแท็บเล็ตที่คุณใช้งาน
  4. ต่อสายพาวเวอร์ที่ตัว StreamEnjin รอจนเห็นภาพแสดงขึ้นที่จอภาพสำหรับพรีวิว
  5. เข้าสู่แอปฯ StreamEnjin โดยคุณต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi ให้อยู่ในเน็ตเวิร์คเดียวกันกับ LAN ที่ต่อเข้ากับเครื่อง StreamEnjin ถึงจะเชื่อมต่อกันได้ จากนั้นโปรแกรมจะให้คุณทำการสแกน QR Code ที่ปรากฏอยู่บนจอภาพที่ใช้พรีวิว เพื่อเป็นการลิงค์ตัว StreamEnjin เข้ากับสมาร์ทโฟนของคุณ

ถ้าเชื่อมต่อกันสำเร็จ ครั้งต่อไปคุณก็ไม่ต้องต่อสาย USB Link แค่ต่อสายพาวเวอร์เวอร์ ให้เครื่องทำงานแล้วก็เปิดแอปบนแท็บเล็ตเพื่อควบคุมการทำงานได้เลย แต่ถ้าคุณมีการเปลี่ยนสถานที่หรือเปลี่ยนเน็ตเวิร์คที่ใช้งานคุณก็จะต้องทำตามขั้นตอนทั้งหมดใหม่อีกครั้งครับ และหลังจากเซตอัปครั้งแรกเสร็จแล้ว จอภาพสำหรับพรีวิวก็อาจจะไม่จำเป็นหากคุณไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องมองเห็นภาพในแบบ Realtime เพราะคุณสามารถดูจากหน้าจอของแท็บเล็ตได้ แต่ว่าการพรีวิววิดีโอมันจะไม่ลื่นไหลภาพอาจจะดูกระตุก ๆ หน่อย แต่ก็พอรู้ว่าหน้าตาซีนที่จะถูกส่งออกไปนั้นเป็นอย่างไรครับ

การใช้งาน

การใช้งานในช่วงแรก ๆ ก็ยอมรับเลยครับว่าเรารู้สึกขัดใจอยู่มาก ๆ กับรูปแบบการทำงานของ StreamEnjin เพราะที่ผ่านมาเราคุ้นเคยอยู่กับการปรับตั้งค่าการสตรีมมิ่งบนพีซีที่มันสะดวกสบายและรวดเร็วเพราะทุกอย่างทำอยู่บนพีซีเพียงเครื่องเดียว หรือถ้าสตรีมแบบสองเครื่องก็แค่นำสัญญาณจากอีกเครื่องต่อเข้าแคปเจอร์ก็จบเช่นกัน ที่สำคัญซอฟต์แวร์บนพีซีก็มีให้เลือกเยอะ แล้วก็ทำซีนได้อย่างยืดหยุ่นมาก ๆ ไม่นับพวกปลั๊กอินเสริมอีกสารพัด

แต่พอต้องมาเซตอัปการสตรีมมิ่งที่ต้องผ่านทั้งตัว StreamEnjin และยังต้องมีแท็บเล็ตเข้ามาควบคุมอีก และที่สำคัญแอปพลิเคชันบนแท็บเล็ตก็ยังถือว่าจัดการได้อย่างพื้นฐานมาก แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าอุปกรณ์นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความเรียบง่ายและใช้งานได้รวดเร็วนั่นเอง ที่สำคัญต้องออกแบบแอปพลิเคชันให้สามารถทำงานบนแท็บเล็ตที่มีสเปคหลากหลายโดยเฉพาะกับทางฝั่ง Android ดังนั้นการใส่อะไรเข้ามามากเกินไปสุดท้ายก็ใช้งานไม่ได้อยู่ดี 

พอเราเริ่มคุ้นและทำความเข้าใจกับคอนเซปต์ของ StreamEnjin แล้ว การใช้งานทั่วไปก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเลิกครับ การงานใช้งานระหว่างการสตรีมโดยเฉพาะการสลับซีนต่าง ๆ StreamEnjin ถือว่าทำออกมาได้อย่างตอบโจทย์ดีมาก เราสามารถสตรีมและควบคุมด้วยตัวคนเดียว หรือจะมีทีมช่วยควบคุมด้วยก็ได้

สรุปหลังใช้งาน

StreamEnjin เป็นอุปกรณ์ที่มีคอนเซปต์ดี เพียงแต่การใช้งานและข้อจำกัดอยู่บ้างครับ อันดับแรกเลยก็คือ สามารถสตรีมมิ่งด้วยความละเอียดสูงสุดที่ 1080p และ 30 FPS เท่านั้น แต่ข้อดีก็คือสตรีมออกสองช่องทางได้พร้อมกัน ถ้าต้องการเฟรมเรตที่สูงกว่านี้ก็ต้องปรับมาเป็น 720p ก็จะได้ที่ 60 FPS  ประการที่สองก็คือคุณต้องมีแท็บเล็ตใช้งานอยู่แล้ว ถ้าไม่มีนอกจากราคาของ StreamEnjin ที่ต้องจ่ายแล้วก็ต้องกำเงินอย่างน้อย ๆ 7,000 บาท สำหรับแท็บเล็ต Android ที่พอใช้งานได้ หรือถ้าเป็นฝั่ง iOS ก็ต้องกำเงินระดับ 12,000 บาท นี่ยังไม่นับรวมจอภาพแยกอีกหนึ่งจอหากคุณต้องการจอสำหรับการพรีวิวแบบ Realtime ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายเราคิดว่าไม่น่าจะใช้เกมเมอร์หรือสตรีมเมอร์ที่มีพีซีหรือโน้ตบุ๊กอยู่แล้วแน่ ๆ 

และถ้าพิจารณาอย่างละเอียดทั้งการออกแบบและวิธีการใช้งานดูเหมือนว่ากลุ่มเป้าหมายของ CoolerMaster นั้นจะมุ่งไปยังสตรีมเมอร์กลุ่มผู้ใช้งานเครื่องเล่นเกมคอนโซลรวมทั้งสตรีมเมอร์ที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ คือต้องการต่อกับกล้องที่มี Clean HDMI รวมเข้ากับสัญญาณจากเครื่องเล่นเกม หรือเครื่องเล่นมีเดียอื่น ๆ หรือต่อกล้องสองตัว แล้วก็สตรีมออกมาเลย น่าจะเป็นผู้ใช้ในกลุ่มนั้นมากกว่า และถ้าเป็นในลักษณะนี้ก็ต้องถือว่า StreamEnjin ทำออกมาได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายแล้วครับ

ดังนั้นการพิจารณาเลือกซื้อเลือกใช้ StreamEnjin ก็ต้องดูว่าคุณยอมรับกับเรื่องข้อจำกัดด้านความละเอียดในการสตรีมได้ไหม ถ้าคุณคิดว่า 1080p 30FPS หรือ 720p 60FPS ก็ตอบโจทย์การทำงานแล้ว ที่เหลือเราก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาแล้วละครับ

สั่งซื้อ Cooler Master StreamEnjin ในราคาพิเศษได้ที่นี่ (เหลือ 8,590 บาท ราคาจาก ปกติ 23,900 บาท)