Elgato Facecam เป็นกล้องเว็บแคมที่ถูกหลายคนตั้งคำถามค่อนข้างหนัก ด้วยราคาขายในระดับ 6 พันปลาย ๆ ไปจนถึง 7 พันต้น ๆ แต่ไม่มีไมโครโฟน และยังไม่รองรับการทำงานแบบออโตโฟกัสอีก แต่ทำไมคนที่ได้รีวิวแล้วหลายคนกลับบอกว่านี่เป็นหนึ่งในเว็บแคมที่น่าใช้งานมากที่สุดรุ่นหนึ่ง เรามาหาคำตอบกัน

ELGATO FACECAM : คุณสมบัติทางด้านเทคนิค

• รองรับความละเอียด (UNCOMPRESSED) 1080p60, 1080p30, 720p60, 720p30, 540p60, 540p30
• เลนส์ Elgato Prime Lens (all-glass)
• ระยะโฟกัส 30 – 120 cm (11.8 – 47.2 in)
• ช่องรับแสง f/2.4
• ความยาวโฟกัส 24 mm (*full-frame equivalent)
• มุมมอง 82°
• เซนเซอร์ Sony® STARVIS™CMOS
• การเชื่อมต่อ USB 3.0 , Type C
• มิติตัวกล้อง D 58 x W 80 x H 48 mm / 2.28 x 3.15 x 1.89 in
• น้ำหน้ก 103 g | 0.23 lb

การออกแบบ

หากเทียบกับเว็บแคมทั่วไป Elgato Facecam ก็ถือว่ามีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่โตเลยทีเดียว ดูแล้วเหมือนพวกแอคชันแคมมากกว่าเว็บแคมครับ แต่ขนาดที่ใหญ่ที่เองก็ทำให้ภายในสามารถบรรจุเซนเซอร์ขนาดใหญ่กว่าเว็บแคมทั่วไป และสามารถใส่เลนส์ที่ทำจากกระจกคุณภาพสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เว็บแคมตัวนี้มีราคาที่เพิ่มขึ้นมาเมื่อเทียบกับเว็บแคมทั่วไปที่มักจะใช้เลนส์จากพลาสติก

และขนาดที่ใหญ่ของตัวกล้องนี้ก็ทำให้แผงวงจรประมวลผลสามารถทำงานกับวิดีโอความละเอียด 1080p 60FPS ได้อย่างต่อเนื่องแบบไม่มีงอแงหรือต้องกังวลเรื่องความร้อน แม้ไม่ได้ใช้งานในห้องแอร์ก็ตาม 

อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบมาก ๆ ก็คือสายที่ถอดได้ เพราะหลายครั้งเราพบว่ากล้องเว็บแคมเวลาเสียมักจะเสียจากสายขาดในหรือหลุดหลวม แต่ระบบอื่น ๆ ยังใช้งานได้ตามปกติ และกล้องเว็บแคมทั่วไปถ้าจะซ่อมสายก็ต้องส่งถึงมือช่างเท่านั้น แต่สำหรับ Elgato Facecam คุณก็แค่ซื้อสายมาเปลี่ยนเท่านั้นเองง่ายต่อการจัดการ และสายปกติที่ให้มาจะเป็นแบบ Type-C to Type-A คุณก็สามารถเปลี่ยนไปใช้เป็นสาย Type-C ทั้งสองด้านก็ได้หาพีซีหรือโน้ตบุ๊กของคุณมีพอร์ต USB-C และข้อดีของ USB-C ล้วน ๆ ก็คือมันจะทำให้เราสามารถใช้สายที่ยาวเพิ่มขึ้นได้ เผื่อว่าคุณต้องการเซตกล้อง Facecam ไว้ในระยะที่ไกลออกไปจากสายปกติครับ

ภาพที่คมชัด

จุดสำคัญที่ทำให้ผู้ทดสอบหลายรายบอกว่าจริง ๆ แล้วกล้องตัวนี้ไม่แพงเลยก็คือเมื่อได้เห็นคุณภาพของภาพครับ ความคมชัดของภาพที่ได้นอกจากจะเป็นเรื่องของเซนเซอร์คุณภาพสูงของโซนี่และเลนส์กระจกที่พิเศษจาก Elgato ก็คือ การส่งข้อมูลจากตัวกล้องไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรานั้น เป็นการส่งข้อมูลในลักษณะของไฟล์วิดีโอแบบดิบ ๆ ที่ไม่มีการบีบอัด ถ้าเป็นกล้องถ่ายรูปก็ต้องบอกว่าส่งเป็น RAW ไฟล์ออกไปเลย ซึ่งโดยปกติแล้วเว็บแคมทั่วไปจะมีการเข้ารหัสวิดีโอที่ตัวเว็บแคมก่อนเพื่อให้ข้อมูลมีขนาดเล็กพอที่จะส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียงผ่านทางพอร์ต USB 2.0 ได้ แล้วจากนั้นก่อนจะนำไปใช้งานคอมพิวเตอร์ก็ต้องทำการถอดรหัสวิดีโอเหล่านั้นก่อน ซึ่งบางครั้งถ้าเป็นการถ่ายทอดสดมันก็จะทำให้เกิดการดีเลย์ขึ้นได้ ซึ่งต่างจาก Facecam ที่ส่งข้อมูลวิดีโอแบบไม่มีการบีบอัดผ่านทางพอร์ต USB 3.0 ที่มีแบนด์วิดธ์ทำให้ภาพที่ได้ไม่สูญเสียคุณภาพนั่นเองครับ นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่แตกต่างจากกล้องเว็บแคมทั่วไป

ซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน

ถ้าเรามีการจัดแสงที่ดี หรือไม่ต้องจัดแสงก็ได้แต่มีแสงสว่างเพียงพอภาพที่เราได้ก็จะมีความคมชัดมาก ๆ ส่วนจะสวยหรือไม่สวยก็ต้องไปว่ากันด้วยเรื่องการจัดแสงอีกที แต่ความคมชัดที่ได้นั่นมีแน่นอน แต่ถ้าใครจัดไฟไม่ถนัดหรือจัดแล้ว mood & tone ของภาพยังไม่ถูกใจก็สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Camera Hub มาช่วยปรับแต่งได้ และยังช่วยแก้เรื่องภาพกระพริบที่เกิดจากไฟต่าง ๆ ได้ ข้อดีของโปรแกรม Camera Hub ก็คือ แม้ว่าคุณกำลังใช้ซอฟต์แวร์อื่นในการไลฟ์สตรีม หรือบันทึก คุณก็ยังสามารถเปิด Camera Hub ขึ้นมาปรับแต่งเพื่อให้ได้โทนของภาพตามต้องการได้ตลอดเวลาครับ

การใช้งาน

ตลอดช่วงการทดสอบเราใช้โปรแกรม OBS ในการบันทึกภาพทั้งหมดครับ ซึ่งปกติสตรีมเมอร์หลายคนก็ใช้โปรแกรมนี้อยู่แล้วก็ทำให้การทดสอบของเราใกล้สถานการณ์ใช้งานจริงเข้าไปอีก อย่างที่ได้กล่าวไปในหัวข้อซอฟต์แวร์ครับว่า ถึงเราจะต่อกล้อง Facecam เข้ากับโปรแกรมต่าง ๆ แต่เราก็ยังสามารถควบคุมเรื่องการรับแสงรวมถึงการปรับแต่งรายละเอียดต่าง ๆ ได้จากซอฟต์แวร์ของกล้องได้อย่างอิสระ ซึ่งมันสะดวกและทำได้ละเอียดกว่าการปรับแต่งด้วย OBS ส่วนในกรณีที่คุณมีปลั๊กอินปรับแต่งอื่น ๆ ก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติครับ

การไม่มีไมโครโฟนในตัวมันก็มีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ มันไม่มีต้องมีตัวเลือกไมโครโฟนเพิ่มเข้ามาในโปรแกรมต่าง ๆ ซึ่งถ้าคุณเป็นสตรีมเมอร์คุณก็มักจะใช้ไมโครโฟนที่ติดอยู่กับชุดหูฟัง หรือไม่ก็จะใช้ไมโครโฟนแบบแยกอยู่แล้ว ทำให้เวลาเซตอัปเพื่อใช้งานโปรแกรมสตรีมทั้งหลายมันก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วยครับ ส่วนการใช้งานที่เหลือก็ขอเล่าด้วยวิดีโอก็แล้วกันครับ

สรุปหลังการใช้งาน

สรุปได้ง่าย ๆ สั้น ๆ เลยครับว่า Elgato Facecam เหมาะสำหรับการใช้งานในลักษณะที่ต้องการภาพมุมกว้าง หรือต้องการเห็นภาพชัดแบบกว้าง ๆ ในระยะ 30 เซ็นติเมตร ไปจนถึง 120 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระยะปกติของการนั่งใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ มันช่วยลดอาการวูบวาบของภาพได้เมื่อเทียบกับกล้องที่มีระบบออโต้โฟกัส ซึ่งเว็บแคมแบบนั้นอาจจะเหมาะกับการที่เราต้องมีการถ่ายวัตถุขนาดเล็กในระยะใกล้ ๆ กับกล้อง ในบางจังหวะที่เราทำการถ่ายถอดสด แต่ในขณะที่ Facecam จะเหมาะกับการนั่นพูดคุยระหว่างสตรีมเมอร์กับผู้ชม ในแบบที่เห็นภาพกว้าง ๆ แบบไม่ต้องโฟกัสไปที่จุดใดจุดหนึ่ง

Facecam ยังเหมาะกับการใช้งานเป็นกล้องตัวที่สองตัวที่สามสำหรับคนที่ต้องการถ่ายภาพหลายมุมแบบให้เห็นภาพรวม ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการโฟกัส ขอเพียงคุณอยู่ในระยะ 30-120 เซนติเมตร เท่านั้นเป็นพอครับ จริง ๆ แล้วกล้อง Facecam นี้ยังสามารถประยุกต์ใช้งานได้ในหลาย ๆ รูปแบบครับ เพียงแต่เราต้องเข้าใจคุณสมบัติและลักษณะการทำงานของ Facecam เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถสร้างการไลฟ์สตรีมภาพที่มีมุมกล้องหลายมุมในงบประมาณที่ประหยัดมาก ๆ จาก Elgato ครับ เพราะคุณไม่ต้องไปกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายของพวกตัวแปลงสัญญาณจากกล้องไปยังพีซี เพราะพอเป็นเว็บแคมแล้วก็แค่ต่อสาย USB เข้ากับเครื่องเท่านั้น ที่เหลือก็ไปปรับมุมกล้องจากโปรแกรมอย่าง OBS ได้สบาย ๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.elgato.com/en/facecam