รีวิว HP Envy x360 2-in-1 (14-fc0095TU) จอ OLED ทัชสกรีน รองรับปากกา

HP Envy x360 2-in-1 (14-fc0095TU) คือโน้ตบุ๊กแบบที่ตอบโจทย์อย่างมากสำหรับผู้ที่มีความต้องการใช้งานโน้ตบุ๊กที่หลากหลายรูปแบบ ทั้งการใช้งานแบบโน้ตบุ๊กทั่วไปที่ทำงานผ่านคีย์บอร์ด ทัชแพด รวมเข้ากับการทำงานผ่านหน้าจอแบบทัชสกรีน หรือจะใช้งานในรูปแบบของแทปเล็ตด้วยการขีดเขียนผ่านทางหน้าจอโดยตรง ซึ่งการรวมกันระหว่างคุณสมบัติของโน้ตบุ๊กและการทำงานในแบบแท็บเล็ต ทำให้เราสามารถใช้อุปกรณ์เพียงตัวเดียว ทำงานที่ครอบคลุมและหลากหลายโดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ไปมา

คุณสมบัติด้านเทคนิค
  • CPU: Intel® Core™ Ultra 7 155U (up to 4.8 GHz, 12 MB L3 cache, 12 cores, 14 threads)
  • GPU: Intel Graphics (4 Xe Core), รองรับ Ray tracing
  • NPU: Intel AI Boost 1.4GHz (รองรับ OpenVINO™, WindowsML, DirectML, ONNX RT)
  • RAM: 32 GB LPDDR5-6400 MT/s (onboard)
  • Storage: 1 TB PCIe® Gen4 NVMe™ M.2 SSD
  • Display: 14″, 2.8K (2880 x 1800), OLED, multitouch-enabled, 48-120 Hz, 0.2 ms response time, UWVA, Low Blue Light, SDR 400 nits, HDR 500 nits, 100% DCI-P3
  • Port: 1 USB Type-A 10Gbps signaling rate (HP Sleep and Charge); 1 USB Type-A 10Gbps signaling rate; 1 HDMI 2.1; 1 headphone/microphone combo; 1 USB Type-C® 10Gbps signaling rate (USB Power Delivery, DisplayPort™ 2.1, HP Sleep and Charge); 1 Thunderbolt™ 4 with USB Type-C® 40Gbps signaling rate (USB Power Delivery, DisplayPort™ 2.1, HP Sleep and Charge)
  • Power Supply Type: 65 W USB Type-C® power adapter
  • Battery Type: 3-cell,59 WhLi-ionpolymer
  • Battery Life Video Playback: Up to 11 hours and 45 minutes
ดีไซน์เพื่อความคล่องตัวในทุกรูปแบบ

ด้วยน้ำหนักเพียง 1.39 กิโลกรัม และความหนา 1.69 เซนติเมตร Envy x360 14 เป็นโน้ตบุ๊กที่พกพาสะดวก ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมที่ให้ความแข็งแรงและดูพรีเมียม ระบบบานพับ 360 องศาช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งโหมดโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และเต็นท์

พอร์ตการเชื่อมต่อทางด้านซ้ายของโน้ตบุ๊ก เริ่มจาก USB 3.0, HDMI และ USB-C อีกสองพอร์ต ซึ่งรองรับทั้งการชาร์ตแบตเตอรีและใช้งานเป็นพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วยความเร็วสูง รวมถึงรองรับ Thunderbolt 4 และรองรับการต่อเป็น Display Port อีกด้วย
ทางด้านขวาจะมีพอร์ตแค่สองพอร์ตเท่านั้นคือ USB 3.0 และ Audio Jack แบบ combo
คีย์บอร์ดมีไฟแบบไฟลอดตัวอักษรทำให้ใช้งานได้สะดวกในเวลากลางคืน พร้อมด้วยทัชแพดขนาดใหญ่ที่ควบคุมการทำงานได้อย่างลื่นไหลดีมาก และด้วยจอเป็นแบบทัชและรองรับปากกา การใช้เมาส์จึงแทบไม่จำเป็น
จอภาพ OLED สุดพรีเมียม

ถ้าไม่พูดถึงฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ที่อยู่ภายในของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ และดูเฉพาะภายนอกสิ่งที่ทำให้เราประทับใจมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นจอภาพที่เป็นแบบ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2880×1800 พิกเซล ที่ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส และมีอัตรารีเฟรช 48-120Hz จอ OLED นี้ให้ความสว่างสูงสุด 500 nits และรองรับ HDR ทำให้การรับชมคอนเทนต์มีความสมจริงและน่าประทับใจ อย่างไรก็ตามความไม่สะดวกของจอ OLED คือการสะท้อนแสงค่อนข้างมาก แต่ในการใช้งานส่วนใหญ่เราก็พอจะหลบเลี่ยงจากแหล่งกำเนิดแสงได้อยู่แล้ว และสีสันกับจอที่ลื่นไหล ทำให้เรามองข้ามเรื่องนี้ไปได้สบาย ๆ

จอ OLED ทัชสกรีน 120Hz ให้สัมผัสที่ลื่นไหล สีสันสดใส ชัดทุกมุมมอง

นอกจากการทัชที่ดีแล้วจอของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ยังรองรับการทำงานร่วมกับปากกา เพื่อใช้ในการวาดรูปหรือการเขียนสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก และเป็นการตอบสนองที่รวดเร็ว ช่วยให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่า HP Envy เองก็โดดเด่นในเรื่องนี้มานานแล้ว ตัวปากกามีแม่เหล็กสามารถยิดติดกับขอบของโน้ตบุ๊กทางด้านขวามือเพื่อจัดเก็บในระหว่างการใช้งาน และตัวปากกาสามารถชาร์ตไฟได้โดยใช้พอร์ต USB-C

ขับเคลื่อนด้วย Intel Core Ultra ที่มี NPU พร้อมสำหรับ AI

ความน่าสนใจของ HP Envy x360 รุ่นนี้ก็คือเป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ที่ใช้ซีพียู Intel Core Ultra รุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการปรับปรุงใหม่หมดจดตั้งแต่สถาปัตยกรรมของซีพียูที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ให้ประสิทธิภาพที่ลงตัว และยังมี NPU มาช่วยในการประมวลผลเรื่อง AI อีกด้วย

Intel Core Ultra 7 155U คือซีพียูสถาปัตยกรรม Meteor Lake ซึ่งถูกออกแบบมาแทนที่ซีพียู Core เจนฯ 13 สำหรับ Core Ultra 7 155U เป็นซีพียูแบบ 12 คอร์ 14 เธรด ซึ่งประกอบคอร์ประสิทธิภาพสูง (Performance cores/P-Core) จำนวน 2 คอร์ รองรับ Hyper-Threading และทำงานที่ความเร็วสูงสุด 4.8 GHz ส่วนคอร์ประหยัดพลังงาน (Efficient cores/E-Core) มีจำนวน 8 คอร์ ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 3.8 GHz นอกจากนี้ยังมี Low Power E-Core มาอีก 2 คอร์

ถ้าดูจากการออกแบบซีพียูในลักษณะนี้เราจะเห็นได้ว่าอินเทลต้องการให้ซีพียู Core Ultra U Series นี้ มีความสามารถในการประหยัดพลังงานได้สูงสุด ในขณะที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพโดยรวมไว้ได้เมื่อเทียบกับการใช้พลังงาน 15 วัตต์ โดยเฉลี่ย (สูงสุด 56 วัตต์)

ลักษณะแพลตฟอร์มของ Intel Core Ultra U/H Series สำหรับโน้ตบุ๊ก จะเห็นว่าทุกอย่างถูกรวมไว้ในชิปเดียว จะเรียกว่ารวมกันเป็น SoC (System-On-Chip) ก็ว่าได้

นอกจากนี้ใน Core Ultra 7 155U ยังมาพร้อมกับกราฟิก Intel Arc แบบ 4 คอร์ (Xe-Core) ซึ่งเพิ่งออกมาใหม่ ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 1.95 GHz นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกมากมาย เช่น NPU AI Boost ที่รวมอยู่ในชิปเดียวกับซีพียูด้วยเลย นั่นทำให้เราสามารถเร่งการประมวลผล AI ได้จากทั้งสามส่วนคือ CPU + iGPU + NPU

ตรวจสอบด้วย CPU-Z: ในช่องชุดคำสั่ง (Instructions) เราจะเห็นได้ว่ามี AVX-VNNI รวมอยู่ด้วย ซึ่งหลายคนสงสัยว่าคืออะไร เพราะปกติจะมีแต่ AVX หรือ AVX512 บ้าง สำหรับ AVX-VNNI นี้เป็นชุดคำสั่งที่รองรับการประมวลผลที่ถูกใช้มาในงาน AI นั่นเองครับ ซึ่งอินเทลได้เพิ่มชุดคำสั่งนี้เข้ามาตั้งแต่สมัยซีพียู คอร์ เจนฯ 12 แล้ว ทั้งเดสก์ท้อป และโน้ตบุ๊กครับ ใครใช้ซีพียู คอร์ เจนฯ 12 อยู่ลองตรวจสอบกันได้ และนี่ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้พลังการประมวลผลด้าน AI นั้นสามารถถูกเร่งด้วย CPU ได้เช่นกัน
ตรวจสอบด้วย AIDA64 CPUID: ในช่อง Processor จะรายงานออกมาว่าเป็น 2c+10c ในขณะที่ CPU-Z จะรายงานออกมาเป็น 2P+8E+2LP ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ … เหตผลก็คือ Intel Core Ultra 7 155U นั้นในภาพรวมเราอาจจะดูว่าเป็นซีพียูแบบ SoC คือทุกอย่างอยู่ในชิปเดียวกันหมด แต่ในทางปฏิบัติแล้วในชิปหนึ่งตัวนั้นประกอบไปด้วย Tie หลายส่วนด้วยกัน แม้แต่ส่วนที่เป็นคอร์ของซีพียูก็ยังประกอบไปด้วย 2 Tile, Tile แรกจะเป็น P-Core, Tile ที่สองจะเป็น E-Core 8 คอร์ และ LP E-Core อีก 2 คอร์ อยู่ใน Tile เดียวกัน ทำให้โปรแกรม AIDA64 มองว่าเป็นซีพียูแบบ 2 Tile ในขณะที่ CPU-Z เป็นการมองแบบระบุสเปคของซีพียูนั่นเองครับ ทำให้การตรวจสอบซีพียูจากทั้งสองโปรแกรมมีความแตกต่างกัน
การทดสอบ

ทดสอบด้วย Cinebench R23

ทดสอบด้วย Geekbench 6.3 (Power mode: Balance)

ในการทดสอบทุกหัวข้อเราเลือกใช้การจัดการพลังงานในโหมด Balance ซึ่งเป็นโหมดปกติที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้งานกับโน้ตบุ๊ก และคะแนนการทดสอบที่ได้จาก Geekbench 6.3 นี้ก็ถือว่าทำออกมาอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่ดีครับ เราทดสอบในห้องอุณหภูมิประมาณ 26 องศาเซลเซียส

ทดสอบด้วย Blackmagic RAW Speed Test

แม้จะเป็นซีพียูในรหัส U ที่เน้นการประหยัดพลังงาน แต่จากผลการทดสอบของ Blackmagic RAW ที่เป็นเจ้าของเดียวกันกับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพอย่าง Davinci Resolve ก็ระบุออกมาแล้วว่าโน้ตบุ๊กรุ่นนี้สามารถทำงานร่วมกับวิดีโอ 4K60 ได้อย่างสบาย ๆ

พลังของกราฟิก Intel Arc

กราฟิกของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้สำหรับเราแล้วถือว่าให้ประสิทธิภาพมาเกินตัวครับ กราฟิกที่อยู่ในซีพียู Intel Core Ultra 7 155U นั้นจะเป็น Intel Arc สถาปัตยกรรม Xe2 จำนวน 4 คอร์ (Xe-Core) ที่สามารถจะเล่นเกมแนวแคชชวลหรือพวกเกมออนไลน์ได้บางตามสมควร แต่ที่แน่ ๆ เราลองทดสอบกราฟิกที่มาพร้อมกับ Core Ultra 7 155U กับเครื่องเดสก์ท็อปที่เราใช้งานอยู่เป็น Core i7 12700K ปรากฏว่ากราฟิกของ Core Ultra 7 155U ทำงานได้เร็วกว่าอย่างไม่น่าเชื่อครับ

iGPU – Intel Core i7 12700K
iGPU – Intel Core Ultra 7 155U

การทำงานด้วยแบตเตอรี่

เราใช้โปรแกรม PCMark8 ในการทดสอบความอึดของแบตเตอรี่ ซึ่งการทำงานของ PCMark8 ก็จะเป็นตัวแทนของการใช้งานอย่างต่อเนื่องของแอปพลิเคชันประชุมวิดีโอออนไลน์สลับกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต และแอปพลิเคชันในกลุ่มสำนักงาน ซึ่งผลการทดสอบทำเวลาออกมาได้ที่ 4.36 นาที ถือว่าเป็นเวลาที่ดีทีเดียว แม้จะดูน้อยแต่อย่าลืมว่านี่เป็นการทดสอบในลักษณะของการ Burn Test ที่ทำงานหนักต่อเนื่องแบบไม่หยุดพัก ซึ่งในการใช้งานจริงก็จะได้นานกว่านี้ประมาณ 2 เท่า ก็ถือว่าเพียงพอต่อการพกพาออกไปใช้งานนอกสถานที่โดยไม่ต้องไปกังวลเรื่องแบตเตอรี่มากนัก เว้นแต่ว่าคุณต้องใช้งานแอปพลิเคชันที่หนักกว่างานทั่วไป เช่นการตัดต่อวิดีโอก็อาจจะต้องพกพาอะแดปเตอร์ไปด้วยครับ แต่ด้วยขนาดของอะแดปเตอร์ที่ใช้กำลังไฟฟ้าเพียง 65 วัตต์ ที่มีขนาดเล็กเราก็คิดว่าไม่เป็นภาระอะไรนัก

เสถียรภาพที่วางใจได้

หลายคนมีความกังวลว่าถ้าเลือกใช้โน้ตบุ๊กในกลุ่มบางเบาและใช้ซีพียูในกลุ่ม U Series ที่เน้นการประหยัดพลังงาน จะสามารถรองรับงานหนักแบบต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ได้หรือไม่ ซึ่งเราก็ได้ทำการทดสอบด้วยการใช้โปรแกรม SPECviewperf 2020, SPECworkstation 3.1 รวมถึงแยกทดสอบ Blender 4.1 ด้วยการเรนเดอร์เวิร์คโหลดที่มีการใช้งานซีพียูอย่างหนักที่ใช้เวลาในการเรนเดอร์ไฟล์นานถึง 1 ชั่วโมง 12 นาที ก็ไม่เป็นปัญหา ทำงานได้ต่อเนื่องเป็นอย่างดี

การทดสอบด้วย Blender 4.1 มีความน่าสนใจมากครับ เราจะเห็นได้ว่าในขณะที่ทุกเธรดของซีพียูทำงานเต็มเกือบ 100% แต่จะมีอยู่ 2 เธรด ที่ไม่ได้ทำงานอะไรเลย ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเธรดทั้ง 2 นั้นคือ LP E-Core ซึ่งเป็นคอร์ที่ประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ จะถูกกันไว้สำหรับงานเบื้องหลัง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่องาน Multi Task เพราะถ้างานที่ต้องการประสิทธิภาพถูกส่งมาไว้ที่ LP E-Core ก็อาจจะส่งผลให้งานทั้งหมดช้าลงได้ เนื่องจากงานที่กระจายมาถูกส่งกลับไปไม่ทันนั่นเองครับ แต่ในบางกรณีที่เป็นงานแบบ Multi Task ก็จริง แต่ว่าเวิร์คโหลดไม่ได้หนักมากนัก LP E-Core บางครั้งก็จะถูกนำมาช่วยในการประมวลผลด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การจัดการงานต่าง ๆ จะเป็นหน้าที่ของ Thread Director หรือตัวจัดการงานของซีพียูนั่นเอง
สรุปหลังการใช้งาน

HP Envy x360 2-in-1 (14-fc0095TU) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ที่มีหน้าจอ OLED คุณภาพสูง แบตเตอรี่อึด และการออกแบบที่สวยงาม แม้ว่าประสิทธิภาพอาจไม่โดดเด่นเท่าพวกโน้ตบุ๊กกลุ่มเกมมิ่งในระดับราคาเดียวกัน แต่ Core Ultra 7 155U ที่อยู่ในโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ก็มีพลังเกินพอสำหรับการใช้งานทั่วไป และยังมีพลังเพียงพอสำหรับงานสร้างสรรค์อีกด้วย เพราะหลายครั้งเราพบว่าพลังแห่งการสร้างสรรค์ ไม่ได้มาจากพลังของฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากสภาพแวดล้อมในการทำงานอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถพกพาโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ออกไปเพื่อเพิ่มพลังแห่งการสร้างสรรค์ได้ง่ายและสะดวกกว่าโน้ตบุ๊กในกลุ่มเกมมิ่งแน่นอน หากคุณให้ความสำคัญกับคุณภาพของจอภาพและความอเนกประสงค์ของ HP Envy x360 2-in-1 (14-fc0095TU) ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าน่าพิจารณา

ตรวจสอบราคาและโปรโมชันล่าสุดที่ https://www.hp.com/th-th/shop/hp-envy-x360-2-in-1-laptop-14-fc0095tu-9y3y0pa.html