3DMark Solar Bay Extreme: บททดสอบ Ray Tracing ยุคใหม่สำหรับโน้ตบุ๊กและมือถือ เปิดให้อัปเดตฟรี
UL Solutions ผู้พัฒนาโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง 3DMark ได้ประกาศเปิดตัว “Solar Bay Extreme” ซึ่งเป็นบททดสอบใหม่ที่ยกระดับความท้าทายด้านกราฟิก Ray Tracing สำหรับอุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก โดยเป็นการอัปเดตฟรีสำหรับผู้ใช้งาน 3DMark ทุกคน ครอบคลุมแพลตฟอร์มทั้ง Windows, Windows on Arm, macOS, iOS และ Android
จาก Solar Bay สู่ Solar Bay Extreme: ไม่ใช่แค่หนักขึ้น แต่ซับซ้อนกว่าเดิม
นับตั้งแต่การเปิดตัว 3DMark Solar Bay ในช่วงที่ผ่านมา บททดสอบนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานสำคัญในการวัดประสิทธิภาพการประมวลผล Ray Tracing บนอุปกรณ์ที่ไม่ได้มีพลังสูงเทาเครื่องเดสก์ท็อปเกมมิ่งระดับไฮเอนด์ ตั้งแต่สมาร์ทโฟนแฟล็กชิปไปจนถึงโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิปประมวลผลแบบประหยัดพลังงาน
อย่างไรก็ตาม ด้วยการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของชิปประมวลผล (SoC) ในปัจจุบัน ทำให้ขีดความสามารถในการจัดการกับเทคนิค Ray Tracing แบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์พกพานั้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ UL Solutions จึงได้พัฒนา Solar Bay Extreme ขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อเทคโนโลยีในอนาคตอันใกล้นี้
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชัน Extreme ไม่ใช่แค่การเพิ่มภาระการประมวลผล (Workload) แบบเดิมๆ แต่เป็นการนำเทคนิค Ray Tracing ที่ซับซ้อนและต้องการพลังการคำนวณสูงขึ้นมาใช้ ได้แก่:
- Ray-traced Specular Reflections: การคำนวณการสะท้อนของแสงบนทุกพื้นผิวในฉาก ทำให้วัตถุที่มีความมันวาว เช่น โลหะ หรือพื้นผิวที่เปียกน้ำ มีการสะท้อนที่สมจริงและเปลี่ยนแปลงไปตามมุมมองอย่างถูกต้อง
- Ray-traced Glass Reflections: การสะท้อนบนพื้นผิวที่เป็นแก้ว ซึ่งมีความซับซ้อนกว่าการสะท้อนทั่วไป
- Ray-traced Soft Shadows for Directional Light: การสร้างเงาที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติจากแหล่งกำเนิดแสงหลัก (เช่น ดวงอาทิตย์) ซึ่งช่วยลดขอบเงาที่แข็งกระด้างและเพิ่มความสมจริงให้กับฉากโดยรวม
นอกจากนี้ ฉากทดสอบยังถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น ด้วยการเพิ่ม “Assembly Bay” หรือโรงประกอบแห่งที่สองเข้ามา ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนวัตถุและโพลีกอนในฉาก แต่ยังเป็นการจำลองสถานการณ์ที่ซับซ้อนขึ้นอีกระดับ
3DMark Solar Bay Extreme
การมาถึงของ 3DMark Solar Bay Extreme นั้นเป็นมากกว่าการอัปเดตโปรแกรมทดสอบ แต่มันคือสัญญาณที่ชัดเจนซึ่งสะท้อนทิศทางของอุตสาหกรรมเกมและกราฟิกบนอุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์ยุคใหม่
- Ray Tracing ไม่ใช่เรื่องของเดสก์ท็อปอีกต่อไป: ในอดีต Ray Tracing คือฟีเจอร์สำหรับกราฟิกการ์ดระดับไฮเอนด์เท่านั้น แต่การมีอยู่ของเบนช์มาร์คนี้บนแพลตฟอร์มที่หลากหลายตั้งแต่ iOS, Android ไปจนถึง Windows on Arm เป็นการตอกย้ำว่าผู้ผลิตชิปอย่าง Apple (M-series), Qualcomm (Snapdragon), และ MediaTek (Dimensity) ต่างมุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์กราฟิกระดับสูงมาสู่มือผู้ใช้งานทั่วไป
- มาตรฐานใหม่สำหรับชิป Integrated Graphics และ SoC: Solar Bay Extreme จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักรีวิวและผู้บริโภคในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพ GPU ที่ผนวกรวมมาใน CPU (iGPU) ของ Intel และ AMD รวมถึงชิปตระกูล Apple Silicon และชิป ARM สำหรับ Windows ซึ่งในอดีตมักถูกมองว่ามีประสิทธิภาพจำกัด แต่ปัจจุบันกำลังมีพลังสูงขึ้นจนสามารถรันเกมและกราฟิกที่ซับซ้อนได้
- การผลักดันให้นักพัฒนาเกมนำเทคนิคขั้นสูงมาใช้: เมื่อมีเครื่องมือวัดประสิทธิภาพที่ชัดเจน ย่อมเป็นแรงผลักดันให้นักพัฒนาเกมกล้าที่จะนำเทคนิค Ray Tracing ที่ซับซ้อนเหล่านี้ไปปรับใช้ในเกมบนมือถือและโน้ตบุ๊กมากขึ้น เพราะพวกเขาสามารถคาดการณ์และปรับแต่งประสิทธิภาพของเกมให้เข้ากับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ ๆ ที่กำลังจะออกสู่ตลาดได้
โดยสรุป 3DMark Solar Bay Extreme ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อกดคะแนนฮาร์ดแวร์ในปัจจุบันให้ต่ำลง แต่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “ไม้บรรทัด” สำหรับวัดศักยภาพของฮาร์ดแวร์ “ยุคถัดไป” ซึ่งจะช่วยให้ทั้งอุตสาหกรรมสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ผู้ที่สนใจสามารถอัปเดตโปรแกรม 3DMark ของตนเองได้แล้ววันนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ที่มา: UL Solutions
