Jensen Huang เผยวิสัยทัศน์ AI: อนาคตที่ทุกคนเป็นโปรแกรมเมอร์, โอกาสใหม่ของอุตสาหกรรม และการแข่งขันในเวทีโลก
Jensen Huang, CEO และผู้ก่อตั้ง NVIDIA ได้ขึ้นเวทีเสวนา “Winning the Race: America’s AI Action Plan” ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ปฏิบัติด้านปัญญาประดิษฐ์ของทำเนียบขาว โดยเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2025 แบ่งปันมุมมองและวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมเกี่ยวกับคลื่นการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) บทสนทนานี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวทางเทคโนโลยี แต่ยังครอบคลุมถึงผลกระทบต่อการจ้างงาน, การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ และการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยกองบรรณาธิการ QuickPC ได้สรุปประเด็นสำคัญพร้อมบทวิเคราะห์มาให้ผู้อ่านได้ติดตามกันครับ
1. AI คือ “ผู้สร้างความเท่าเทียมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” (The Great Equalizer) และอนาคตของงาน
ประเด็นเรื่องการถูกแทนที่ของงานด้วย AI เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่ Jensen Huang กลับมองในมุมที่ต่างออกไป เขาเชื่อว่า AI จะไม่เพียงแค่เข้ามาแทนที่ แต่จะเข้ามา “เพิ่มขีดความสามารถ” (Augmented) ให้กับทุกคน
- ทุกคนคือโปรแกรมเมอร์: Jensen ย้ำว่าในอดีต การจะสั่งการคอมพิวเตอร์ได้ต้องเรียนรู้ภาษาโปรแกรมที่ซับซ้อนอย่าง C++, Python แต่ในยุคของ AI “ทุกคนคือโปรแกรมเมอร์” เพียงแค่เราใช้ภาษาพูดสื่อสารกับ AI เราก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้ สิ่งนี้จะทลายกำแพงทางทักษะลงอย่างมหาศาล
- งานที่น่าเบื่อจะหายไป เปิดทางสู่ความคิดสร้างสรรค์: เขาเล่าว่าภายใน NVIDIA เอง วิศวกรซอฟต์แวร์และนักออกแบบชิป 100% ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยทำงาน ทำให้พวกเขามีเวลาไปคิดค้นและพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่เคยเป็นไปไม่ได้เพราะข้อจำกัดด้านเวลาและแรงงาน ดังนั้น ตราบใดที่บริษัทยังมีไอเดียใหม่ ๆ AI ก็จะยิ่ง “สร้างงาน” มากขึ้น
- คำเตือนที่ชัดเจน: “ถ้าคุณไม่ใช้ AI คุณจะตกงานเพราะคนที่ใช้ AI” (If you’re not using AI, you’re going to lose your job to somebody who uses AI.) นี่คือประโยคสำคัญที่ตอกย้ำว่า การปรับตัวและเรียนรู้ที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือคือหนทางรอด ไม่ใช่การต่อต้าน
บทวิเคราะห์: มุมมองของ Jensen เป็นการเปลี่ยนกรอบความคิดจากการมอง AI ว่า “AI แย่งงาน” มาเป็น “AI คือเครื่องมือทวีคูณประสิทธิภาพ” ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทางเศรษฐศาสตร์ที่ว่าเทคโนโลยีใหม่จะสร้างอุตสาหกรรมและตำแหน่งงานรูปแบบใหม่ขึ้นมาเสมอ สิ่งที่น่าสนใจคือ การลดช่องว่างทางทักษะ (Skill Gap) จะทำให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อยและนวัตกรรมจากคนที่ไม่เคยมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดมาก่อนได้ง่ายขึ้น
2. “AI Factory” และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
Jensen ได้เปรียบเทียบการผลิต AI ในปัจจุบันกับการผลิตพลังงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
- AI คือสิ่งที่ต้อง “ผลิต” ตลอดเวลา: ต่างจากซอฟต์แวร์ที่เขียนครั้งเดียวแล้วจบ การใช้งาน AI (เช่น การ Generate Token) เปรียบเสมือนการผลิตที่ต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องมี “โรงงานผลิต AI” (AI Factories) ซึ่งก็คือ Data Center ขนาดมหึมานั่นเอง
- การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งใหม่: เขาประเมินว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ซึ่งอาจมีมูลค่าการลงทุนสูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อปี เทียบเท่ากับการสร้างโครงข่ายพลังงานหรืออินเทอร์เน็ตในอดีต
- มูลค่าที่ยั่งยืนของฮาร์ดแวร์: ชิปอย่าง Hopper ยังคงมีมูลค่าสูง แม้เวลาผ่านไปเป็นปี เพราะประสิทธิภาพของมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการพัฒนาซอฟต์แวร์และ CUDA ซึ่งเป็นระบบนิเวศเปิดที่ทั้งโลกช่วยกันพัฒนา ทำให้การลงทุนในฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA มีความคุ้มค่าในระยะยาว
บทวิเคราะห์: แนวคิด “AI Factories” เป็นการชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรม AI ไม่ได้มีแค่บริษัทเทคโนโลยี แต่ยังสร้างซัพพลายเชนขนาดใหญ่ ตั้งแต่ผู้ผลิตชิป, ผู้สร้าง Data Center, ผู้ให้บริการคลาวด์ ไปจนถึงผู้ผลิตพลังงาน สิ่งนี้เป็นโอกาสมหาศาลสำหรับอุตสาหกรรม PC DIY และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ในระดับ Enterprise ที่จะเติบโตไปพร้อมกัน

3. การแข่งขันกับจีน และชัยชนะของ “Tech Stack อเมริกัน”
เมื่อถูกถามถึงการแข่งขันกับจีน โดยเฉพาะการมาของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Deep Seek, Jensen กลับมองว่านี่คือ “ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ”
- Open Source คือกุญแจ: เขาชี้ว่าโมเดล Open Source ชั้นนำของโลกจากจีน ล้วนทำงานบน “สแต็กเทคโนโลยีของอเมริกา” (American Tech Stack) ซึ่งก็คือสถาปัตยกรรมของ NVIDIA ลองจินตนาการดูว่าหากโมเดลเหล่านี้ทำงานได้เฉพาะบนฮาร์ดแวร์ของคู่แข่ง อะไรจะเกิดขึ้น
- มาตรฐานของอุตสาหกรรม: การที่นักพัฒนาทั่วโลก (ซึ่งครึ่งหนึ่งอยู่ในจีน) เลือกใช้แพลตฟอร์มของ NVIDIA ทำให้มันกลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมโดยพฤตินัย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันระยะยาว
บทวิเคราะห์: นี่คือมุมมองด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่เฉียบแหลม การสร้าง Platform ที่แข็งแกร่งและเปิดกว้างให้นักพัฒนาเข้ามาใช้งาน คือการสร้าง “กำแพง” ที่คู่แข่งเจาะเข้ามาได้ยาก แม้คู่แข่งจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าได้ แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมของนักพัฒนาทั้งระบบนิเวศนั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก
4. อนาคตของ Physical AI และการบริหารคนในแบบ Jensen Huang
- ทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวได้จะเป็นอิสระ: Jensen ทำนายว่าในอนาคตอันใกล้ ทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวได้จะทำงานโดยอัตโนมัติ (Autonomous) ตั้งแต่เครื่องตัดหญ้าไปจนถึงรถยนต์ บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกลจะมีโรงงาน 2 แห่ง คือโรงงานผลิตตัวเครื่องจักร และ “AI Factory” เพื่อสร้างสมองให้กับเครื่องจักรนั้น
- การให้รางวัลพนักงาน: ในตอนท้าย มีการถามถึงเรื่องตลกที่ว่า Jensen มี “ถุงออปชันหุ้นลับ” ที่จะมอบให้กับพนักงานที่ทำผลงานได้ดี ซึ่งเขาตอบแบบติดตลกว่าพกมันไว้ในกระเป๋า ก่อนจะอธิบายอย่างจริงจังว่า เขาทบทวนค่าตอบแทนของพนักงานทุกคน (กว่า 42,000 คน) ด้วยตัวเอง และมักจะเพิ่มงบประมาณให้เสมอ เพราะเชื่อว่า “เมื่อเราดูแลคนของเราดีพอ เรื่องอื่น ๆ ก็จะดีตามมาเอง”
บทสรุป:
บทสนทนาของ Jensen Huang ครั้งนี้ ให้ภาพที่ชัดเจนว่า AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นจุดเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมและสังคมในระดับเดียวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมหรือยุคอินเทอร์เน็ต วิสัยทัศน์ของเขาที่มองว่า AI คือเครื่องมือเพิ่มขีดความสามารถ, การสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่มูลค่ามหาศาล, และกลยุทธ์การสร้างแพลตฟอร์มให้เป็นมาตรฐานโลก คือสิ่งที่ทำให้ NVIDIA ยืนอยู่แถวหน้าของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และเป็นสิ่งที่ทุกคนในแวดวงเทคโนโลยีและธุรกิจต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ที่มา: YouTube, All in Podcast เวทีเสวนา “Winning the Race: America’s AI Action Plan”

You must be logged in to post a comment.