Intel ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมชิป กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แม้ว่าบริษัทจะสามารถรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024 ได้เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทั้งในด้านกำไรต่อหุ้น (EPS) และรายได้ แต่แนวโน้มในไตรมาสแรกของปี 2025 กลับทำให้นักลงทุนผิดหวัง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง
Samuel O’Brient ผู้สื่อข่าวจาก TheStreet.com ได้ชี้ให้เห็นว่า ความไม่แน่นอนของตลาดเทคโนโลยี โดยเฉพาะสำหรับบริษัทที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ “Magnificent 7” (กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลสูงสุด) ทำให้ Intel เผชิญแรงกดดันมหาศาล
(Intel ถูกถอดออกจากดัชนี S&P 500 ในเดือนตุลาคม 2024 เนื่องจากปัญหาทางการเงินและการลดลงของส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมเซมิแคปาซิเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่แข็งแกร่งจากบริษัทเช่น AMD และ NVIDIA โดยทาง S&P ได้นำ NVIDIA เข้าไปแทนที่)
แต่ปัจจัยที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อ Intel มากที่สุดในขณะนี้คือ นโยบายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะยกเลิกหรือชะลอเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง ซึ่งรวมถึง CHIPS and Science Act กฎหมายที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ
มุมมองของผู้เขียนต่อท่าทีของ Intel
บทความของ O’Brient สะท้อนถึงมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างนักวิเคราะห์ตลาดและผู้นำของ Intel เอง โดยในขณะที่ตลาดดูเหมือนจะไม่เชื่อมั่นในอนาคตของบริษัท แต่ David Zinsner ซีเอฟโอและรักษาการซีอีโอของ Intel กลับแสดงความมั่นใจว่า Trump Administration จะไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท
O’Brient ตั้งคำถามถึงความมั่นใจของ Zinsner ว่า “อะไรทำให้ Intel มั่นใจว่าทรัมป์จะไม่เดินหน้าชะลอหรือยุติการสนับสนุนจาก CHIPS Act?” ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจทำให้ Intel และบริษัทชิปอื่นๆ ตกอยู่ในความเสี่ยง
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อ Intel
นักวิเคราะห์หลายรายเห็นพ้องกันว่า หากการระงับเงินทุนของ CHIPS Act เกิดขึ้นจริง อาจทำให้ Intel และบริษัทชิปในสหรัฐฯ ต้องชะลอการลงทุนในภาคการผลิตและเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อจีนโดยตรง และขัดแย้งกับเป้าหมายของทรัมป์ที่ต้องการให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตชิป
Jeff Le รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะของ SecurityScorecard ระบุว่า รัฐสภาสหรัฐฯ อาจไม่สนับสนุนแนวทางของทรัมป์ เนื่องจากการยกเลิกเงินทุนเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อเขตเลือกตั้งที่พึ่งพาการลงทุนของ Intel และบริษัทเซมิคอนดักเตอร์
นอกจากนี้ Dev Nag ซีอีโอของ QueryPal ยังเสริมว่า หากสหรัฐฯ ไม่สามารถเดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปของตัวเอง อาจทำให้โรงงานผลิตย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเป้าหมายของทรัมป์ในการลดการพึ่งพาจีน
บทสรุป: Intel จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร?
แม้ว่า Intel จะได้รับเงินทุนมาแล้วสองงวดจาก CHIPS Act ไปแล้ว แต่อนาคตของบริษัทจะยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทรัมป์เดินหน้ายุติการสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติม
บทความของ O’Brient ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างมุมมองของผู้นำ Intel กับความเป็นจริงทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาหุ้นและโอกาสในการเติบโตของบริษัทในอนาคต
ข้อมูล: Intel faces a major threat to its plans โดย Samuel O’Brient