Copilot
|

ไมโครซอฟท์ดูดหัวกะทิ AI จาก Google กว่า 24 ราย ปั้น Copilot ให้แกร่งขึ้น ท่ามกลางศึกแย่งชิงบุคลากร AI ดุเดือด

การแข่งขันในอุตสาหกรรม AI ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่า “บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ” คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในสมรภูมินี้ ล่าสุด ไมโครซอฟท์ได้เดินหน้าเสริมทัพ AI ของตนเองด้วยการดึงตัวนักวิจัยและวิศวกร AI ระดับสูงจาก DeepMind ของ Google กว่า 24 ราย แม้ Google DeepMind จะมีเงื่อนไขการห้ามทำงานกับคู่แข่งที่เข้มงวดและข้อเสนอวันหยุดพักผ่อนยาวนานถึงหนึ่งปีก็ตาม

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ Mustafa Suleyman ผู้ร่วมก่อตั้ง DeepMind และ Inflection AI ได้เข้ามารับตำแหน่ง CEO ของ Microsoft AI และนำทีมในการพัฒนานวัตกรรม AI ของบริษัท หนึ่งในบุคคลสำคัญที่ย้ายมาร่วมงานกับไมโครซอฟท์คือ Amar Subramanya ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง VP of Engineering ที่ Google DeepMind และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Gemini มานานถึง 16 ปี ก่อนจะย้ายมารับตำแหน่ง Corporate VP ในแผนก AI ของไมโครซอฟท์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ Adam Sadovsky ซึ่งเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์และผู้อำนวยการอาวุโสที่ DeepMind มาเกือบ 18 ปี ก็ได้เข้าร่วมทีม AI ของไมโครซอฟท์ในตำแหน่ง Corporate VP เช่นกัน

Amar Subramanya ได้แสดงความกระตือรือร้นกับบทบาทใหม่ใน LinkedIn โดยระบุว่า “เพียงหนึ่งสัปดาห์ในบทบาทใหม่ ผมรู้สึกมีพลังอย่างมาก วัฒนธรรมที่นี่น่าทึ่ง มีความทะเยอทะยานสูงแต่ไร้อัตตา และทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเริ่มต้นธุรกิจ: เคลื่อนไหวรวดเร็ว ทำงานร่วมกัน และมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งในการสร้างโมเดลพื้นฐานที่ล้ำสมัยอย่างแท้จริง เพื่อขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ AI ที่น่าประทับใจอย่าง Microsoft Copilot”

เบื้องหลังการทุ่มเทบุคลากร: ปัญหาของ Copilot และกลยุทธ์ของไมโครซอฟท์

การทุ่มเทดึงตัวบุคลากร AI ระดับสูงจากคู่แข่งอย่าง Google DeepMind ของไมโครซอฟท์ แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างหนักที่จะยกระดับขีดความสามารถด้าน AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Copilot ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI สำคัญของบริษัท แม้ไมโครซอฟท์จะมีข้อตกลงความร่วมมือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับ OpenAI ที่ให้สิทธิ์เข้าถึงโมเดล AI ชั้นนำได้โดยตรง แต่ Copilot กลับยังไม่ได้รับความนิยมเท่ากับ ChatGPT

หนึ่งในข้อร้องเรียนหลักของแผนก AI ของไมโครซอฟท์คือ Copilot ยังไม่ดีเท่า ChatGPT ซึ่งบริษัทได้อ้างว่าเป็นผลมาจากทักษะการป้อนคำสั่ง (prompt engineering) ที่ยังไม่ดีพอของผู้ใช้ และได้เปิดตัว Copilot Academy เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าผู้บริหารระดับสูงบางรายของไมโครซอฟท์มองว่าเครื่องมือ AI ของบริษัทเป็นเพียงลูกเล่นเท่านั้น และไมโครซอฟท์ยังต้องพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอกเพื่อช่วยให้ Copilot สามารถสร้างประโยชน์ในระบบนิเวศของไมโครซอฟท์ รวมถึง Microsoft 365

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Jeff Taper หัวหน้าทีม Microsoft Teams ยอมรับว่า Copilot และ ChatGPT แทบจะเหมือนกัน แต่ Copilot มีความปลอดภัยที่ดีกว่าและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ทรงพลังกว่า อย่างไรก็ตาม องค์กรต่าง ๆ กลับมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้ ChatGPT มากกว่า Copilot เนื่องจาก “OpenAI ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สนุกกับการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม”

การดึงตัวบุคลากร AI ชั้นนำในครั้งนี้จึงอาจเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของไมโครซอฟท์ เพื่อเร่งการพัฒนาและปรับปรุง Copilot ให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในตลาด แม้จะมีการปลดพนักงานกว่า 9,000 คนก่อนหน้านี้ ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายเพื่อนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI และการดึงดูดบุคลากร AI จากบริษัทคู่แข่ง

บทวิเคราะห์เพิ่มเติม:

การแข่งขันในตลาด AI โดยเฉพาะด้าน Generative AI กำลังเข้าสู่ยุคที่เรียกได้ว่า “สงครามแย่งชิงบุคลากร” (Talent War) เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรม บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อดึงดูดนักวิจัยและวิศวกร AI ระดับหัวกะทิ โดย Meta Platforms ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ทุ่มทุนสร้าง Meta Superintelligence Labs และเสนอโบนัสสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์ รวมถึงค่าตอบแทนหนึ่งปี เพื่อดึงตัวนักวิจัยและวิศวกรจาก OpenAI นอกจากนี้ Meta ยังเข้าซื้อกิจการ Scale AI ด้วยมูลค่า 14.8 พันล้านดอลลาร์ และดึงตัวซีอีโอ Alexandr Wang มานำแผนก AI ใหม่ของบริษัท การเคลื่อนไหวของ Meta ส่งผลให้ OpenAI ต้องตอบโต้ด้วยการทบทวนแพ็คเกจค่าตอบแทนพนักงานและหาวิธีให้รางวัลแก่บุคลากรที่มีผลงานดีเด่น

นอกเรื่องสักนิดในขณะที่ OpenAI บอกว่าคนอื่นดึงตัวแต่อันที่จริงก็มีข่าวว่า OpenAI สามารถดึงตัวผู้เชี่ยวชาญ AI ระดับสูงถึง 4 รายจากบริษัทชั้นนำมาได้สำเร็จ ได้แก่:

  • Angela Fan นักวิจัย AI จาก Meta
  • David Lau อดีตรองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์จาก Tesla
  • Uday Ruddarraju อดีตหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมโครงสร้างพื้นฐานจาก xAI และ X
  • Mike Dalton วิศวกรโครงสร้างพื้นฐานจาก xAI

ในมุมมองทางธุรกิจ การลงทุนในบุคลากร AI ที่มีความรู้ความสามารถสูงถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่ง การสร้างนวัตกรรมใน AI จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในด้าน Machine Learning, Deep Learning, Natural Language Processing และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การที่ไมโครซอฟท์ทุ่มเทดึงตัวบุคลากรจาก Google DeepMind ซึ่งเป็นผู้นำด้าน AI แสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนและความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ในการแก้ไขปัญหาของ Copilot และผลักดันให้ AI ของตนเองก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาด

อย่างไรก็ตาม การจะทำให้ Copilot ประสบความสำเร็จเทียบเท่า ChatGPT ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีและบุคลากรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยด้านการตลาดและการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่น่าประทับใจ การที่ ChatGPT ได้รับความนิยมมากกว่าเนื่องจาก “สนุกกับการใช้งาน” แสดงให้เห็นว่านอกจากประสิทธิภาพแล้ว ความสามารถในการสร้างปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์ที่น่าดึงดูดใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไมโครซอฟท์จะต้องพิจารณาเพิ่มเติมในการพัฒนา Copilot ในอนาคต

ข้อมูล: Kevin Okemwa. (2025), Microsoft poaches 24 AI stars from Google to supercharge Copilot, Windows Central, 24 กรกฎาคม 2025