ChatGPT
|

ผลสำรวจเผย Gen Z ไทยใช้ AI หนักสุด ChatGPT ครองตลาด แต่ผู้ใช้กว่า 92% ต้องการความโปร่งใสจากแบรนด์

ผลสำรวจล่าสุดชี้ชัดถึงการยอมรับ AI ในวงกว้างของสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความต้องการความโปร่งใสและการกำกับดูแลด้านจริยธรรมที่ชัดเจน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับแบรนด์เทคโนโลยีและภาครัฐ

กรุงเทพฯ, 13 สิงหาคม 2568 – ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผลการศึกษาใหม่ในหัวข้อ “AI Sentiment Analysis: Trust, Ethics, and Equitable Adoption in Thailand” ได้เผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับทัศนคติของคนไทยต่อ AI จากการสำรวจคนไทยกว่า 2,000 คน โดยความร่วมมือระหว่าง YouGov และสมาคมประชาสัมพันธ์และการสื่อสารแห่งเอเชียแปซิฟิก (PRCA Asia Pacific) พบว่าเกือบสามในสี่ของคนไทยมีการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวันแล้ว โดยกลุ่ม Gen Z เป็นผู้ใช้งานหนักที่สุดถึง 86%

ChatGPT ครองแชมป์ในไทย ทิ้งห่าง Gemini เกือบเท่าตัว

ในสมรภูมิของเครื่องมือ Generative AI ผลสำรวจพบว่า ChatGPT ยังคงเป็นผู้นำตลาดในไทยอย่างชัดเจนด้วยสัดส่วนผู้ใช้งานสูงถึง 74% ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง Gemini ของ Google ที่มีผู้ใช้ 49%

ตัวเลขนี้แสดงถึงความสำเร็จของ “First-mover advantage” ของ OpenAI ที่ทำให้ชื่อ ChatGPT กลายเป็นคำสามัญ (Generic Name) สำหรับเทคโนโลยี Generative AI ในหมู่ผู้ใช้ทั่วไป ขณะที่ Gemini แม้จะได้รับการสนับสนุนจากระบบนิเวศขนาดใหญ่ของ Google แต่ยังคงต้องใช้เวลาในการสร้างการรับรู้และโน้มน้าวผู้ใช้ให้เปลี่ยนมาใช้งานเป็นหลัก ส่วน Microsoft Copilot ที่มีผู้ใช้เพียง 14.9% ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เนื่องจากถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นเครื่องมือสำหรับภาคธุรกิจและกลุ่มผู้ใช้ Microsoft 365 เป็นหลัก การสำรวจในกลุ่มประชากรทั่วไปจึงอาจไม่สะท้อนการใช้งานในองค์กรได้อย่างเต็มที่

ความโปร่งใส: เมื่อผู้ใช้ AI ไทยกว่า 92% ส่งเสียงเรียกร้อง

แม้ว่าคนไทยเกือบครึ่ง (48%) จะมีทัศนคติเชิงบวกต่อ AI แต่ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดคือ

ผู้บริโภคชาวไทยถึง 92% ต้องการให้แบรนด์และบริษัทต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลเมื่อมีการนำ AI มาใช้งาน โดย 60% ต้องการให้เปิดเผย “เสมอสำหรับ AI ทุกประเภท” และอีก 32% ต้องการให้เปิดเผย “เฉพาะ AI ที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง”

ประเด็นนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับความไว้วางใจ โดย 86% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาจะเชื่อมั่นในแบรนด์ “เท่าเดิมหรือมากขึ้น” หากแบรนด์สื่อสารเรื่องการใช้ AI อย่างตรงไปตรงมา

เสียงเรียกร้องนี้ไม่ใช่แค่การติดป้าย “สร้างโดย AI” แต่คือการต้องการความจริงใจจากแบรนด์ ในมุมมองของผู้บริโภคยุคใหม่ การใช้ AI อาจทำให้แบรนด์ดู “ทันสมัยและก้าวหน้า” (31%) แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลว่าแบรนด์จะ “มีความคิดสร้างสรรค์น้อยลง” (11%) หรือ “เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์” (16%) แบรนด์ที่สามารถสื่อสารได้อย่างชาญฉลาดว่า AI เป็นเพียง “เครื่องมือสนับสนุน” ไม่ใช่ “สิ่งทดแทน” ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้บริโภคได้ในระยะยาว

รัฐต้องเข้ามา! เสียงเรียกร้องให้มี ‘การกำกับดูแล’ และการศึกษาด้าน AI

ความกังวลของผู้ใช้งานไม่ได้หยุดอยู่แค่ในระดับแบรนด์ แต่ยังส่งต่อไปถึงภาครัฐ ผลสำรวจชี้ว่าคนไทยคาดหวังให้รัฐบาลเข้ามามีบทบาทอย่างจริงจัง โดยสองเรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการคือ:

  1. การกำกับดูแลการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม (Regulate ethical use of AI) – 52%
  2. การให้การศึกษาและจัดโปรแกรมฝึกอบรม (Provide education and training programs) – 50%

ข้อเรียกร้องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการ “สนามเด็กเล่นที่ปลอดภัย” (A Safe Sandbox) สำหรับเทคโนโลยี AI ผู้ใช้ตระหนักถึงศักยภาพมหาศาล แต่ก็เล็งเห็นถึงความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อ AI ถูกนำไปใช้ในแอปพลิเคชันที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันโดยตรง เช่น Search Engine, E-commerce และบริการภาครัฐ การที่ผู้ใช้ต้องการให้รัฐกำกับดูแลด้านจริยธรรมและการศึกษาไปพร้อมกัน แสดงให้เห็นว่าคนไทยไม่ได้ต้องการจะแบนเทคโนโลยี แต่ต้องการที่จะใช้งานมันอย่าง “รู้เท่าทัน” และมั่นใจได้ว่ามีกลไกป้องกันผลกระทบเชิงลบ

ความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมผ่านเวิร์กช็อป (40%) และคอร์สออนไลน์ (36%) ยังเป็นโอกาสสำหรับสถาบันการศึกษาและบริษัทเทคโนโลยีในการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในอนาคต

โดยสรุป ผลการศึกษานี้เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเปิดรับเทคโนโลยี AI อย่างเต็มตัว แต่การยอมรับนี้มาพร้อมกับเงื่อนไขสำคัญ นั่นคือ “ความโปร่งใส” และ “ความรับผิดชอบ” ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้พัฒนา แบรนด์ ไปจนถึงภาครัฐ ที่จะต้องร่วมกันสร้างระบบนิเวศ AI ที่น่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเชิงลึกของผลการสำรวจฉบับเต็ม สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ของ Vero