AMD-FSR4-GamePlay-RX-9070-XT
|

ลองใช้ AMD FSR 4 เล่นเกมบนการ์ดจอ AMD Radeon RX 9070 XT

ความสุขของเกมเมอร์ส่วนหนึ่งก็คือการได้เห็นภาพกราฟิกสวยงามควบคู่ไปกับเฟรมเรทสูงที่ลื่นไหล แต่ในความเป็นจริงสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะหากคุณต้องการเล่นเกมระดับ AAA ความละเอียดสูงบนกราฟิกการ์ดในระดับกลาง ดังนั้นการมีเทคโนโลยีพิเศษอย่าง FidelityFX Super Resolution 4 หรือ FSR 4 จาก AMD ได้กลายเป็นตัวช่วยหลักที่ทำให้เกมเมอร์สามารถเพลิดเพลินกับเกมได้โดยไม่ต้องมีฮาร์ดแวร์ระดับท็อปเสมอไป

FSR 4 คืออะไร

FSR 4 หรือ AMD FidelityFX Super Resolution 4 คือเทคโนโลยีอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมใหม่ล่าสุดจาก AMD ที่ใช้ Machine Learning (ML) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมอย่างมหาศาล ทั้งในด้าน คุณภาพภาพ และ เฟรมเรต โดยใช้พลังประมวลผลน้อยลง ส่งผลให้เฟรมเรท (FPS) เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่เสียคุณภาพภาพมากนัก โดยใช้เทคนิคคือเรนเดอร์ภาพที่มีความละเอียดต่ำเพื่อให้สามารถสร้างเฟรมจำนวนมากได้โดยไม่กระตุก จากนั้นก็ทำการขยายภาพให้คมชัดขึ้นแบบอัจฉริยะ ทำให้เกมที่เดิมอาจจะกระตุกบนเครื่องสเปกกลาง ๆ กลับเล่นได้อย่างลื่นไหลได้ง่ายขึ้น

FSR เริ่มต้นมาตั้งแต่เวอร์ชันแรกในปี 2021 ซึ่งเน้นความเข้ากันได้กับ GPU หลากหลายยี่ห้อ ไม่ใช่แค่ AMD เท่านั้น จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนถึง FSR 3 ที่เพิ่มฟีเจอร์ Frame Generation เพื่อสร้างเฟรมภาพเพิ่มเติม ทำให้เกมวิ่งได้เกิน 100 FPS ในบางเกม และตอนนี้ เรากำลังพูดถึง AMD FSR 4 เวอร์ชันล่าสุดที่ AMD เปิดตัวในปี 2025 ซึ่งก้าวกระโดดไปอีกขั้นด้วยการใช้เทคโนโลยี Machine Learning (ML) และ AI เพื่อปรับปรุงคุณภาพภาพให้ดีขึ้นกว่า FSR 3.1 อย่างชัดเจน

เปรียบเทียบ FSR 4 กับ FSR เวอร์ชันต่าง ๆ

เวอร์ชันปีเปิดตัวจุดเด่นรองรับ RDNA รุ่นไหน
FSR 1.02021Spatial upscaling (ไม่ใช้ AI)RDNA 1, RDNA 2 และ GPU อื่น ๆ
FSR 2.02022Temporal upscaling + anti-aliasingRDNA 1, RDNA 2, RDNA 3
FSR 3.02023เพิ่ม Frame GenerationRDNA 2, RDNA 3 (ต้องการฟีเจอร์เฉพาะ)
FSR 4.02025ใช้ Machine Learning, รองรับ FP8เฉพาะ RDNA 4 (เวอร์ชัน int8 กำลังทดลองสำหรับ RDNA 3)
FSR Redstone2025 (กำลังจะเปิดตัว)Neural Radiance Caching, ML Ray Regeneration, ML Frame Generationเฉพาะ RDNA 4

รายละเอียดการของ FSR ทำงานร่วมกับ RDNA แต่ละรุ่น

RDNA 1 (RX 5000 Series)
  • รองรับ FSR 1.0 และ 2.0 ได้ดี
  • ไม่รองรับ Frame Generation จาก FSR 3.0
  • ไม่มีฮาร์ดแวร์ AI accelerator
RDNA 2 (RX 6000 Series)
  • รองรับ FSR 1.0, 2.0 และบางส่วนของ FSR 3.0
  • Frame Generation จาก FSR 3.0 ต้องการการปรับแต่งเฉพาะ
  • ไม่รองรับ FSR 4.0 แบบเต็มรูปแบบ
RDNA 3 (RX 7000 Series)
  • รองรับ FSR 1.0, 2.0, 3.0 ได้เต็มที่
  • FSR 4.0 มีเวอร์ชันทดลองแบบ int8 ที่อาจใช้งานได้ แต่คุณภาพภาพอาจลดลง
  • ไม่รองรับ FP8 ซึ่งเป็นแกนหลักของ FSR 4.0
RDNA 4 (RX 9000 Series)
  • รองรับ FSR 4.0 แบบเต็มรูปแบบ (FP8)
  • มีฮาร์ดแวร์ AI accelerator สำหรับงานกราฟิกขั้นสูง
  • FSR 4.0 เป็นเวอร์ชันแรกที่เริ่มจำกัดการใช้งานตามสถาปัตยกรรม GPU
  • รองรับ FSR Redstone ซึ่งใช้ Machine Learning อย่างเต็มที่
  • AMD กำลังผลักดันให้ FSR กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ Machine Learning อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

สิ่งที่ทำให้ FSR 4 น่าสนใจสำหรับเกมเมอร์ทั่วไปคือ มันถูกออกแบบมาเพื่อทำงานบน GPU รุ่นใหม่ของ AMD อย่าง Radeon RX 9000 series (สถาปัตยกรรม RDNA 4) โดยเฉพาะ ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณมีการ์ดจอรุ่นนี้ คุณจะได้ภาพที่คมชัด ลด noise และ artifact (จุดรบกวนภาพ) ได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะในเกมที่ต้องการกราฟิกสูง เช่น เกม open-world หรือเกมที่ใช้ Ray tracing

FSR 4 ใช้ AI มาช่วยเรียนรู้และปรับภาพแบบเรียลไทม์ ทำให้เฟรมเรทสูงขึ้นโดยไม่ต้องลดตั้งค่ากราฟิกลงมาก เหมาะสำหรับคนที่อยากเล่นเกม 4K หรือ 1440p บนเครื่องที่ไม่แรงมากนัก นอกจากนี้ AMD ยังปล่อย FidelityFX SDK 2.0 สำหรับนักพัฒนาเกม เพื่ออัปเกรดเกมเก่า ๆ ที่รองรับ FSR 3.1 ให้ใช้ FSR 4 ได้ง่ายขึ้น ซึ่งตอนนี้มีเกมมากกว่า 60 เกมที่สามารถทดสอบได้

สเปคเครื่องที่ใช้ในการทดสอบ

เกมที่ใช้ในการทดสอบ

เกมที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 เกมครับได้แก่ Horizon Zero Dawn Remastered เกมนี้เป็นการยกเครื่องการกราฟิกมาอีกรอบเรียกได้ว่าภาพโดยรวมของเกมนั้นสวยกว่าเวอร์ชันเดิมมาก และแพตช์ล่าสุดก็อัปเดตมารองรับ FSR 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เกมที่สองก็คือ Cyberpunk 2077 กับแพตช์ล่าสุดที่อัปเดตมาใหม่และรองรับ FSR 4 ด้วยเช่นกัน และสุดท้ายคือเกม Mafia: The Old Country เป็นเกมที่เพิ่งเปิดตัวมาใหม่ และเป็นหนึ่งในเกมที่รองรับ FSR 4 มาตั้งแต่เปิดตัวครับ  

ในการทดสอบได้ตั้งค่าความละเอียดของเกมไว้ที่ระดับ 4K ทุกเกม และตั้งค่ารายละเอียดของภาพสูงสุดของเกมนั้น ๆ เพื่อเป็นการกดเฟรมเรตจริงให้ต่ำที่สุด เพื่อที่จะได้ดูว่าเวลาที่เปิดใช้ FSR 4 จะได้เฟรมเพิ่มขึ้นเท่าไร และเปิด FSR 4 + Frame Gen ได้เฟรมเป็นอย่างไร

ทดสอบด้วยเกม Horizon Zero Dawn Remastered

เกม Horizon Zero Dawn Remastered กับการ์ดจอ Radeon RX 9070 XT ที่ความละเอียด 4K แบบ Native นั้นสามารถทำเฟรมเรตได้ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควรคือ ไม่ต้องเปิด FSR 4 ก็สามารถเล่นได้อยู่แล้วแบบลื่น ๆ เป็นเกมที่ไม่ได้ใช้สเปคสูงมากนัก ดังนั้นการเล่นเกมนี้ที่ความละเอียด 4K ก็เป็นเรื่องสบาย ๆ

การทดสอบแรกเป็นการเรนเดอร์ด้วยพลังของ Raster ล้วน ๆ ทำเฟรมเฉลี่ยได้ที่ 103 FPS ก็ถือว่าไม่หนักสำหรับเกมนี้ การทดสอบครั้งที่สองเปิดใช้งาน FSR 4 แต่ยังคงปิด Frame Generation ไว้ แต่ก็ช่วยเพิ่มเฟรมเรตมาได้อีกเล็กน้อยเป็น 119 FPS และการทดสอบครั้งที่สามทำการเปิด FSR 4 พร้อมกับเปิด Frame Generation

การทดสอบด้วยเกม Cyberpunk 2077

Cyberpunk 2077 ยังคงเป็นเกมสุดโหดเมื่อเปิดใช้งาน Ray Tracing กับการ์ดจอ RX 9070 TX ที่ความละเอียด 4K เปิดรายละเอียดภาพสูงสุด Ultra + Ray Tracing ทดสอบออกมาแล้วได้ 25 FPS เท่านั้นเอง  แต่พอเปิด FSR 4 เข้าช่วยแม้ยังไม่ได้เปิด Frame Generation ก็ยังสามารถเพิ่มเฟรมมาอยู่ในระดับ 68 FPS ก็ถือว่าเล่นได้คล่องตัวขึ้นหน่อย และเมื่อเปิด Frame Generation ก็ทำให้เฟรมเรตเพิ่มมาเป็น 126 FPS ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจมาก อย่างไรก็ตามในระหว่าการทดสอบเกมนี้ก็มีเรื่องแปลก ๆ อยู่บ้างเช่น แม้เราจะเปิด FSR 4 ใช้งานแต่ว่าในหัวข้อ Frame Generation นั้นกลับถูกระบุว่าเป็น FSR 3.1 เท่านั้น 

ทดสอบด้วยเกม Mafia: The Old Country

Mafia: The Old Country เปิดเกมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาสด ๆ ร้อน ๆ พร้อมกับการประกาศเปิดตัว FSR 4 และ FFX SDK อย่างเป็นการเมื่อไม่นานมานี้เองครับ เป็นเกมแนว แอ็กชันผจญภัยแบบมุมมองบุคคลที่สาม ที่เน้นการเล่าเรื่องอย่างเข้มข้นและมีฉากแบบภาพยนตร์ โดยเกมนี้เป็นภาคที่ 4 ในซีรีส์ Mafia และเป็นภาคที่เล่าย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของอาชญากรรมในซิซิลีช่วงต้นทศวรรษ 1900 เกมนี้ใช้ Unreal Engine 5 เป็นเอนจินหลักในการพัฒนาเกม รองรับเทคโนโลยีกราฟิกสมัยใหม่ เช่น Nanite, Lumen ให้ภาพที่สมจริงมากขึ้น ทั้งแสง เงา และรายละเอียดของฉาก ช่วยให้ฉากในซิซิลีช่วงปี 1900 ดูมีชีวิตชีวา

เกมนี้ก็ถือว่าหนักเอาเรื่องสำหรับ RX 9070 XT เมื่อเล่นที่ 4K แล้วปรับรายละเอียดของภาพในระดับสูงสุด สามารถสร้างเฟรมเรตออกมาได้ไม่ถึง 35 FPS ด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าอาศัยพลังการเรนเดอร์แบบ Rasterized เพียงอย่างเดียวไปไม่รอดครับ จำเป็นต้องเปิดเทคโนโลยีการอัปสเกลอย่าง FSR 4 แบบ Native AA เข้าช่วยโดยยังไม่ต้องเปิด Frame Generation ก็จะทำให้เฟรมเรตเพิ่มมาราว ๆ สองเท่า จาก 33 FPS มาเป็น 66 FPS แต่เวลาออกเดินหรือมีการเคลื่อนไหวผมรู้สึกว่ามันก็ยังไม่สมูทเล่นแล้วมีเวียนหัว ต้องเปิด Frame Gen และเปิด FSR 4 แบบ Quality ทำให้เฟรมเรตในซีนนี้เพิ่มมาเป็น 90 FPS ช่วยให้การเล่นลื่นไหลกว่า ไม่มีอาการเวียนหัวครับ 

บทสรุปหลังการทดสอบ

โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยได้เปิดใช้ FSR ในการเล่นเกมมากนักโดยเฉพาะในยุคของ FSR 1 และ FSR 2 นี่คือปิดไปเลย แล้วไปเลือกปรับรายละเอียดของภาพให้น้อยลง หรือปิด Ray Tracing ไปเลยดีกว่า เพื่อให้ได้เฟรมเรตเพิ่มขึ้น เพราะ FSR ในเวอร์ชันแรก ๆ นั้นมีปัญหาค่อนข้างมากจริง ๆ และภาพก็ไม่สวยแม้เฟรมจะเพิ่มขึ้น ยอมลดรายละเอียดของภาพเพิ่อเพิ่มเฟรมเรตไปยังดีกว่า

จนมาถึงยุคของ FSR 3 กับการ์ดจอ Radeon RX 7600 XT ผมจึงได้เปิดใจให้กับ FSR มาขึ้นและยอมรับว่า FSR 3 นั้นอยู่ในระดับใช้งานจริงได้แล้ว และพอมาถึงยุคของ FSR 4 กับการ์ดจอ Radeon RX 9070 XT ที่มีอยู่ก็ยอมรับเลยครับว่า AMD ได้ยกระดับของ FSR ไปอีกขั้นแล้วจริง ๆ ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นเพราะในตัว RX 9070 XT เป็นสถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่ยกเครื่องด้าน AI มาใหม่ด้วย ทำให้การทำงานโดยรวมของเทคโนโลยี FSR นั้นก้าวหน้าไปอย่างมีนัยสำคัญ

ในด้านคุณภาพของภาพก็มีความชัดเจนครับว่า AMD ได้ปรับปรุง FSR 4 เรื่องคุณภาพของภาพมามากขึ้นจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ FSR 1 และ FSR 2 แต่ถ้าเทียบกับ FSR 3 แล้วอาจจะเห็นความแตกต่างไม่มากนักในบางฉาก แต่ก็อาจจะเป็นเพราะ AMD ได้ทำการอัปเกรดให้เกมที่รองรับ FSR 3 นั้นมีการปรับเปลี่ยนบางส่วนให้มาทำงานเทียบเท่ากับ FSR 4 แล้วนั้นเอง และถ้าเราไปดูประกาศก่อนหน้านี้ของ AMD ก็คือจะพยายามดันให้เกมที่รองรับ FSR 3 ถูกปรับมาใช้ FSR 4 ได้โดยตรงจากการใช้ไดรเวอร์ล่าสุดเลย

แต่ถ้าให้เทียบกับทางฝั่งของคู่แข่งอย่างเทคโนโลยี DLSS 4 ตัวล่าสุดที่อยู่ใน RTX 50 ก็ต้องยอมรับครับว่าอาจจะต่างอยู่เล็กน้อยเนื่องจาก RTX 50 นั้นมีฮาร์ดแวร์เฉพาะทางแบบเต็มระบบที่ช่วยในขั้นตอนอย่าง Optic Flow ในขณะที่ FSR 4 แม้จะมีฮาร์ดแวร์เพิ่มเข้ามามากขึ้น แต่ในภาพรวมคือ AMD ต้องการทำให้เทคโนโลยี FSR เป็นระบบเปิดแบบ Open Source ให้สามารถรันบน GPU ใด ๆ ก็ได้แม้ไม่ใช่ GPU จาก AMD ทำให้รายละเอียดบางอย่างสู้ระบบที่เป็นฮาร์ดแวร์แบบเต็มระบบไม่ได้

อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่ทางตันของ FSR 4 กับ RDNA 4 ครับ เพราะตอนนี้ทาง AMD มีการประกาศถึง FSR Redstone ที่เป็นอีกขั้นของ FSR 4 ที่เป็นการปรับปรุงชุดเทคโนโลยีเรนเดอร์ภาพด้วย AI ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้เกมเมอร์ได้รับประสบการณ์จาก FSR ที่เหนือกว่านี้ไปอีกขั้นทั้งในด้านภาพและประสิทธิภาพ และยังคงใช้งานบนกราฟิกการ์ด AMD Radeon RX 9000 Series ที่เป็น RDNA 4 ได้ ดังนั้นใครที่ใช้ Radeon RX 9070 XT หรือ Radeon RX 9060 XT อยู่ รวมถึงผู้ที่กำลังจะอัปเกรดมาเป็น Radeon RX 9000 Series ก็ไม่ต้องกังวลครับ AMD ยังมีของดีรอเราอยู่อีก