รวมข้อมูล RDNA 5 (UDNA) กราฟิกชิปรุ่นใหม่ของ AMD ที่พร้อมกลับมาสู้ศึกการ์ดจอในระดับไฮเอนต์
วงการกราฟิกการ์ดกำลังร้อนแรงด้วยข่าวลือเกี่ยวกับ AMD RDNA 5 (หรืออาจใช้ชื่อใหม่ว่า UDNA) ซึ่งคาดว่าจะเป็นก้าวสำคัญของ AMD ในการกลับมาท้าชิงบัลลังก์ GPU ระดับไฮเอนด์ หลังจากที่ RDNA 4 มุ่งเน้นไปที่ตลาดระดับกลางและล่าง ข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือในวงการ เช่น X/@Kepler_L2 เผยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Compute Unit (CU) และประสิทธิภาพที่พร้อมแข่งขันกับ NVIDIA ในระดับท็อป
การปฏิวัติ Compute Unit: เพิ่มคอร์สองเท่า
หนึ่งในข่าวลือที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการปรับปรุง Compute Unit ใน RDNA 5 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CU เป็น 128 คอร์ จากเดิม 64 คอร์ใน RDNA 4 และ RDNA 3 นั่นหมายความว่ารุ่นท็อปที่มี 96 CU จะมีคอร์รวมสูงถึง 12,288 คอร์ เทียบกับ Navi 31 (RDNA 3) ที่มี 6,144 คอร์ และ Navi 48 (RDNA 4) ที่มี 64 CU การเพิ่มคอร์นี้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการคำนวณอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง เช่น การเล่นเกม 4K และการคำนวณ AI
จาก RDNA สู่ UDNA
RDNA 5 คาดว่าจะเป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด คล้ายกับการปฏิวัติ Zen ในฝั่ง CPU ของ AMD มีข่าวลือว่า AMD อาจเปลี่ยนชื่อจาก RDNA เป็น UDNA เพื่อสะท้อนถึงการรวมจุดเด่นของ RDNA (เน้นการเล่นเกม) และ CDNA (เน้นการคำนวณ AI) เข้าด้วยกัน การออกแบบใหม่นี้มีเป้าหมายแก้ไขปัญหาที่พบใน RDNA 3 เช่น ความไม่สมดุลในประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระดับไฮเอนด์
การเพิ่มจำนวน CU และ Memory Bus
ตามข้อมูลที่หลุดออกมา RDNA 5 จะมี GPU die 4 รูปแบบ ดังนี้:
- รุ่นท็อป: 96 CU พร้อม 384-bit memory bus (อาจใช้ GDDR7)
- รุ่นกลาง: 64 CU พร้อม 256-bit memory bus
- รุ่นล่าง: 24 CU พร้อม 256-bit memory bus
- รุ่นเริ่มต้น: 12 CU พร้อม 128-bit memory bus
การเพิ่ม CU สูงสุดถึง 96 ในรุ่นท็อป (เพิ่มขึ้น 50% จาก RDNA 4) และการใช้ memory bus ที่กว้างขึ้น แสดงถึงความมุ่งมั่นของ AMD ในการกลับมาสู่ตลาด GPU ระดับ enthusiast เพื่อแข่งกับ NVIDIA RTX 5090 หรือแม้แต่ RTX 6090
Ray Tracing และ AI: การก้าวกระโดดครั้งใหญ่
RDNA 5 คาดว่าจะมีการปรับปรุงด้าน Ray tracing อย่างมาก โดยอาจจะมีฮาร์ดแวร์แยกสำหรับ Ray tracing โดยเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดช่องว่างกับ NVIDIA นอกจากนี้ AMD ยังมีแผนพัฒนาซอฟต์แวร์ ROCm และ AI software ร่วมกับทีมจาก Xilinx เพื่อยกระดับประสิทธิภาพด้าน AI โดยเฉพาะ เพื่อนำมาทำงานร่วมกับเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) เพื่อให้มีความทัดเทียมหรือเหนือกว่า NVIDIA DLSS ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการภาพคมชัดและประสิทธิภาพสูง
Chiplet หรือ Monolithic: ทางเลือกที่ยังเป็นปริศนา
หนึ่งในคำถามใหญ่คือ RDNA 5 จะใช้การออกแบบแบบ chiplet (เหมือน RDNA 3) หรือ monolithic (เหมือน RDNA 4) ข่าวลือบางแหล่งชี้ว่า AMD อาจนำ chiplet กลับมาเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดต้นทุนในรุ่นท็อป ในขณะที่บางแหล่งเชื่อว่า monolithic จะยังคงเป็นตัวเลือกหลักเพื่อความเรียบง่ายในการผลิต คำตอบสุดท้ายคงต้องรอการยืนยันจาก AMD
กำหนดการวางจำหน่าย
RDNA 5 คาดว่าจะเริ่มผลิตในไตรมาสที่ 2 ปี 2569 และวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม บางแหล่งระบุว่าอาจล่าช้าถึงปี 2570 หาก AMD ต้องการเวลาในการปรับแต่งสถาปัตยกรรมให้สมบูรณ์แบบ เป้าหมายหลักคือการทวงส่วนแบ่งในตลาดไฮเอนด์และมอบตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้ที่ต้องการ GPU สำหรับงาน AI และการคำนวณประสิทธิภาพสูง
สรุป: AMD พร้อมกลับมาทวงบัลลังก์
จากข่าวลือทั้งหมด RDNA 5 (หรือ UDNA) จะเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ AMD ด้วยการเพิ่มคอร์ใน Compute Unit, การออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่, การปรับปรุง Ray tracing และ AI รวมถึงการเพิ่ม memory bus ที่กว้างขึ้น หาก AMD สามารถทำตามที่ข่าวลือระบุได้ วงการ GPU อาจได้เห็นการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
