NVIDIA จ่อหั่นกำลังผลิต RTX 50 ลง 40% เซ่นวิกฤตแรมขาดแคลน: เมื่อ AI แย่งทรัพยากร เกมเมอร์อาจต้องรับภาระราคาที่สูงขึ้น
ดูเหมือนว่าตลาดการ์ดจอสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป กำลังจะเผชิญกับความท้าทายระลอกใหม่ในต้นปี 2026 เมื่อมีรายงานว่า NVIDIA ยักษ์ใหญ่แห่งวงการกราฟิกชิป เตรียมปรับลดกำลังการผลิตการ์ดจอซีรีส์ GeForce RTX 50 ลงสูงถึง 40% ในไตรมาสแรกของปีหน้า
สาเหตุสำคัญไม่ได้เกิดจากความต้องการที่ลดลง แต่มาจาก “วิกฤตขาดแคลนหน่วยความจำ (DRAM)” ระดับโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สถานการณ์นี้ส่งสัญญาณว่าเกมเมอร์และผู้ประกอบคอมพิวเตอร์อาจต้องเผชิญกับสภาวะสินค้าขาดตลาดและราคาที่พุ่งสูงขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
วิกฤต Supply Chain: เมื่อ AI Data Center คือลูกค้าเบอร์หนึ่ง
รายงานจากแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมระบุว่า การตัดสินใจลดกำลังการผลิตของ NVIDIA ครั้งนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อควบคุมสมดุลของอุปทาน แทนที่ NVIDIA จะเลือกขึ้นราคาขายปลีกทันทีในขณะที่ต้นทุนพุ่งสูง แต่ถึงกระนั้น ผลลัพธ์ปลายทางที่ผู้บริโภคต้องแบกรับอาจไม่ต่างกัน
SK Hynix หนึ่งในผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก ได้ออกมาเตือนผ่านบทวิเคราะห์ภายในว่า ภาวะขาดแคลน DRAM อาจลากยาวไปจนถึงปี 2028 สาเหตุหลักมาจากการปรับเปลี่ยนไลน์การผลิตขนานใหญ่เพื่อรองรับ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งเป็นหน่วยความจำราคาสูงและกำไรดีกว่า สำหรับใช้ในชิปประมวลผล AI
เมื่อกำลังการผลิตส่วนใหญ่ถูกเทไปที่ HBM ทำให้กำลังการผลิตสำหรับหน่วยความจำทั่วไป (Commodity DRAM) และแรมการ์ดจอ (GDDR) ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่ากำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาสถานการณ์จะไม่เกิดขึ้นจริงก่อนปี 2028
สัญญาณราคาพุ่ง: บทเรียนจากญี่ปุ่นและ AMD
ผลกระทบด้านราคาเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วในบางตลาด:
- ญี่ปุ่น: พบราคาขายปลีกของ RTX 5070 Ti ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 22,820 เยน (ราว 5,000 – 5,500 บาท) ภายในสัปดาห์เดียวในช่วงกลางเดือนธันวาคม
- AMD: คู่แข่งสำคัญอย่าง AMD ยืนยันการปรับราคาขายส่งให้กับตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทุกๆ 8GB ของ VRAM และมีแผนจะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนมกราคม 2026
แม้ Samsung จะประกาศเพิ่มกำลังการผลิต GDDR7 ขึ้นอีกเท่าตัวเพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อของ NVIDIA แต่นักวิเคราะห์มองว่าปริมาณดังกล่าวจะถูกจัดสรรไปยังกลุ่ม Data Center และการ์ดจอกลุ่มมืออาชีพ ก่อนเป็นอันดับแรก ทำให้ตลาดผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่ได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มกำลังผลิตนี้
อนาคตของ RTX 50 Series และความเสี่ยงของรุ่น “Super”
สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแผนงานของ NVIDIA ในปี 2026 เดิมทีคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวรุ่นอัปเกรดอย่าง “RTX 50 Super Series” ที่มาพร้อม VRAM ที่เพิ่มขึ้น แต่ข่าวลือล่าสุดระบุว่าโครงการนี้อาจถูกเลื่อนไปเป็นไตรมาสที่ 3 ของปี 2026 หรืออาจถึงขั้น “ยกเลิก”
ปัญหาคอขวดอยู่ที่การขาดแคลนโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 3GB ที่จำเป็นสำหรับการอัปเกรดสเปก หากรุ่น Super ถูกเลื่อนหรือยกเลิกจริง จะทำให้ NVIDIA ต้องพึ่งพา RTX 50 Series รุ่นปัจจุบันในการทำตลาดตลอดทั้งปี ท่ามกลางสภาพคล่องที่จำกัด
ข้อมูล: fudzilla.com
