Sam Altman ซีอีโอ OpenAI ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ของ AI และผลกระทบต่อสังคม
Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เขียนบทความที่มีความยาวพอสมควรโดยกล่าวถึงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในระดับ AGI ที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เขาได้อธิบายถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของ AI สามข้อ ซึ่งบ่งชี้ว่าต้นทุนการใช้ AI ลดลงอย่างมาก และมูลค่าทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
Altman มองว่า AGI จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาสังคม แต่ก็เน้นถึงความจำเป็นในการวางนโยบายสาธารณะและการกระจายผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำและการใช้ AGI ในทางที่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมของรัฐบาลเผด็จการ และเสนอแนวคิดในการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังของ AGI ได้อย่างทั่วถึง
*AGI (Artificial General Intelligence) เป็นสาขาของการวิจัย AI ที่พยายามสร้างซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถคล้ายมนุษย์และสามารถสอนตนเองได้ ซึ่งเป้าหมายคือให้ซอฟต์แวร์สามารถทำงานโดยไม่ต้องได้รับการฝึกหรือพัฒนา
ข้อสังเกตของ Altman:
1. ความฉลาดของ AI ขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่ใช้ฝึกและประมวลผล
AI จะพัฒนาความสามารถขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูล (data) และพลังคำนวณ (compute) ที่ใช้ในการฝึก โดยสอดคล้องกับกฎการสเกลที่มีความแม่นยำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่า ยิ่งลงทุนในการพัฒนา AI มากเท่าไร ความสามารถของมันก็จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
ตัวอย่างเช่น การเพิ่มพลังการคำนวณ 10 เท่า ไม่ได้ทำให้ AI ฉลาดขึ้นแค่ 10 เท่า แต่สามารถเพิ่มขีดความสามารถได้เกินกว่านั้น
2. ค่าใช้จ่ายในการใช้ AI ลดลงอย่างรวดเร็ว
ค่าใช้จ่ายในการเข้าถึง AI ลดลง 10 เท่าทุก 12 เดือน ซึ่งเร็วกว่าอัตราการพัฒนาเทคโนโลยีที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลของ GPT-4 เมื่อเทียบกับ GPT-4o ซึ่งลดลงถึง 150 เท่าในช่วงปีเดียว เทียบกับ Moore’s Law ที่เคยปฏิวัติวงการเทคโนโลยีโดยทำให้พลังการประมวลผลเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุก 18 เดือน แต่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงเร็วกว่านั้นหลายเท่า
เมื่อราคาถูกลง จำนวนผู้ใช้และปริมาณการใช้งาน AI ก็จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ และสิ่งนี้อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทางเศรษฐกิจที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
3. มูลค่าทางเศรษฐกิจของ AI เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
Altman ชี้ให้เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของความฉลาดของ AI ไม่ได้มีผลเชิงเส้นกับเศรษฐกิจ แต่เป็นผลกระทบเชิงเลขชี้กำลัง (super-exponential impact)
เนื่องจาก AI สามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ในราคาที่ถูกลงเรื่อย ๆ สิ่งนี้ทำให้การลงทุนใน AI ไม่มีแนวโน้มที่จะชะลอลงในอนาคตอันใกล้ เพราะผลตอบแทนที่ได้จากการเพิ่มขีดความสามารถของ AI นั้นมหาศาล
ผลกระทบต่อสังคม:
- การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ: AI จะแทรกซึมเข้าสู่ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจและสังคม AI อาจกลายเป็นเหมือนทรานซิสเตอร์ที่แพร่หลายในทุกมุมของเศรษฐกิจ เราคาดหวังว่าทุกสิ่งจะ “ฉลาด” ขึ้น
- การทำงาน: AI จะทำให้เกิด “ผู้ร่วมงานเสมือน” ที่จะสามารถทำงานหลายอย่างได้เหมือนวิศวกรซอฟต์แวร์ระดับจูเนียร์ ในอนาคตอันใกล้นี้ ทุกคนบนโลกอาจสามารถทำอะไรได้มากกว่าบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปัจจุบัน
- ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์: ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์จะรวดเร็วกว่าในปัจจุบัน ผลกระทบของ AGI อาจเหนือกว่าทุกสิ่งอื่นใด
- ราคา: ราคาสินค้าหลายอย่างจะลดลงอย่างมาก ในขณะที่ราคาสินค้าฟุ่มเฟือยและทรัพยากรที่มีจำกัด เช่น ที่ดิน อาจสูงขึ้น
- การกระจายอำนาจ: การให้อำนาจแก่บุคคลมีความสำคัญในการพัฒนา AGI การควบคุม AI โดยรัฐบาลเผด็จการอาจนำไปสู่การเฝ้าระวังและการสูญเสียความเป็นอิสระ
- ความเท่าเทียม: การทำให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ของ AGI ถูกกระจายอย่างกว้างขวางเป็นสิ่งสำคัญ อาจจำเป็นต้องมีการแทรกแซงเพื่อไม่ให้ความสมดุลของอำนาจระหว่างทุนและแรงงานถูกบิดเบือน แนวคิดเช่นการให้ “งบประมาณการคำนวณ” เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ AI ได้อย่างมากก็เป็นไปได้
- ความสามารถในการปรับตัว: ทักษะเช่นความมุ่งมั่น การตัดสินใจที่ถูกต้อง การปรับตัว และความยืดหยุ่น จะมีคุณค่าอย่างมาก AGI จะเป็นตัวกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับความมุ่งมั่นของมนุษย์
- อนาคต: อนาคตจะมาถึงอย่างไม่อาจมองข้ามได้ การเปลี่ยนแปลงในระยะยาวต่อสังคมและเศรษฐกิจจะยิ่งใหญ่ ผู้คนจะพบสิ่งใหม่ ๆ ให้ทำและวิธีใหม่ ๆ ในการเป็นประโยชน์ต่อกัน ในปี 2035 ทุกคนควรจะสามารถใช้ความสามารถทางปัญญาเทียบเท่ากับทุกคนในปี 2025
บทสรุป: AGI เป็นจุดเปลี่ยนของมนุษยชาติ
Altman เชื่อว่า AGI อาจเป็น “คันเร่งที่ทรงพลังที่สุด” ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และทำให้แต่ละคนมีอิทธิพลต่อโลกมากขึ้น หากได้รับการพัฒนาและใช้งานอย่างเหมาะสม การเตรียมตัวเพื่ออนาคตที่กำลังจะมาถึงต้องอาศัย
- การพัฒนาทักษะใหม่
- การบริหารเศรษฐกิจแบบใหม่
- นโยบายที่เหมาะสม
เพราะ AGI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่มันคือ “ตัวเร่ง” ที่จะเปลี่ยนแปลงทุกมิติของสังคมไปตลอดกาล